เฮเลน เคลเลอร์ (Helen Keller) บุคคลยิ่งใหญ่ ผู้ตาบอด และหูหนวกสนิท

"สิ่งที่ดีและสวยงามที่สุดในโลก มองไม่เห็นและจับต้องไม่ได้ แต่รู้สึกได้จากหัวใจ"

            คำกล่าวนี้เป็นคำกล่าวที่โด่งดังอย่างมาก ที่พวกเราคุ้นเคยกันดีกับวรรณเจ้าชายน้อย แต่น้อยคนที่จะรู้ว่ามันเป็นคำกล่าวของ เฮเลน เคลเลอร์ (Helen Keller) บุคคลคนยิ่งใหญ่ที่ตาบอด และหูหนวกสนิท

            เมื่อสมัยผมเด็กๆ ผมเห็นใครก็ตามที่ตาบอดจนไม่สามารถมองเห็นได้เลย ผมมักถามกับตัวเองอยู่เสมอว่า "ถ้าเราตาบอดเราจะอยู่ยังไงดี" และก็จินตนาการภาพตัวเองถึงความมืดที่ปกคลุมโลกที่บางเวลาก็งดงาม บางเวลาก็น่าสลด คงจะเป็นเรื่องน่ากลัวที่สุดเลย แต่อยู่มาวันหนึ่งผมก็พบว่า เคยมีบุคคลที่ต่อสู้ เผชิญหน้ากับโลกใบนี้ทั้ง ๆ ที่ตาบอด และหูหนวกไปด้วย

            หนูน้อยเฮเลนเกิดมาปกติเหมือนทั่งคุณและผม วิ่งซนน่ารักน่าชัง แต่เมื่ออายุได้ขวบกว่า ๆ เธอได้ป่วยหนักเป็นโรคที่รักษาไม่ได้ เธอรอดชีวิตมาได้แต่ผลกระทบจากโรคนี้ทำให้เธอตาบอดและหูหนวก หลังจากนั้นเสียงหัวเราะ ความน่ารักของเธอได้เปลี่ยนไปเป็นพฤติกรรมอาละวาดและกรีดร้องด้วยสุ้มเสียงและลักษณะไม่ต่างจากสัตว์ที่ร้องโหยหวน

            เมื่อหมดหนทางที่จะดูแล พ่อแม่ของเธอจึงได้พาเธอไปที่สถาบันเปอร์กินส์ในเมืองบอสตัน และวิงวอนขอครูมาช่วยดูแลสั่งสอนสักคนหนึ่ง

            ประดุจฟ้าสว่างส่องแสงลงมาโปรด แอนน์ ซัลลิแวน (Anne Sullivan) ผู้ที่เป็นคนเกือบตาบอดเมื่ออายุเพียง 14 ปี และบอดสนิทเมื่ออายุ 50 (เธอเสียชีวิตไม่นานจากที่ตาบอดสนิท) รับภารกิจที่ไม่มีทางเป็นไปได้ ในการอบรมสั่งสอนเด็กหูหนวกและตาบอด อย่าง เฮเลน 

            ในวันแรกครูแอนเกือบหมดกำลังใจกับหนูน้อย ซึ่งสภาพไม่ต่างกับสัตว์ เฮเลนมักใช้มือขยำอาหารจากจานใส่ปาก แถมยังก้าวร้าวคว้าอาหารจากคนอื่นด้วย ครูแอนจังตัดสินใจว่าสิ่งแรกที่เธอต้องเรียนรู้คือวินัย เมื่อเฮเลนแสดงพฤติกรรมที่ก้าวร้าวเธอจะตีที่มือหนึ่งที ในตอนแรกเธอไม่พอใจและเหวี่ยงหมัดใส่ครูแอน แต่ก็โดนครูตีอีกเช่นเคย เธอจึงเรียนรู้ว่าการอาละวาดเพื่อให้ทุกสิ่งเป็นไปตามที่เธอต้องการใช้ไม่ได้ผล

            เมื่อเธอได้เรียนรู้บทเรียนแรก เธอก็อยากรู้สิ่งต่างๆมากขึ้นไม่ว่าจะต้นไม้ ดอกไม้ จาน ฉาม ซ่อม ตุ๊กตา ฯลฯ เสียงหัวเราะของเธอและความสุขของเธอทำให้บ้านกลับมารื่นรมอีกครั้งหนึ่ง นอกจากที่เฮเลนจะเรียนรู้สิ่งต่างๆที่อยู่รอบตัว ครูแอนก็พร้อมจะสอนเด็กหูหนวกตาบอด คนนี้ให้อ่านออกเขียนได้

แอนน์ ซัลลิแวน (Anne Sullivan) และ เฮเลน เคลเลอร์ (Helen Keller)

            หลังจากที่เธอเริ่มเรียนรู้ครูแอนก็สอนเธอถึงเรื่องวินัย การอยู่ร่วมกับผู้อื่น การช่วยเหลือตัวเอง และวัฒนธรรมในการกินอยู่ ในที่สุดครูแอน ก็สอนเฮเลนถึงสิ่งอย่าง ๆ รอบตัวเป็นคำ เช่น เมื่อเธอเดินผ่านปั๊มน้ำโบราณ ครูแอนจะให้เฮเลนเอามือรองน้ำแล้ว สะกดภาษามือลงในมืออีกข้างของเฮเลนว่า W-A-T-E-R ในตอนแรก ๆ เธอก็ยังงง 

            แต่เมื่อครูปั๊มน้ำใส่มือและสะกดอีกรอบเธอก็เริ่มเข้าใจ ในตอนนั้นเองเธอมองขึ้นฟ้าแล้วหัวเราะออกมาอย่างดังด้วย เสียงของคนใบ้ เราคงไม่รู้ว่าเธอมีความสุขอะไร แต่ผมคิดว่าอย่างน้อยเธอคงได้เรียนรู้ว่า "เวลากลางคืนไม่ได้อยู่ตลอดไป เมื่อถึงเช้าท้องฟ้าก็คงจะสว่างพร้อมลมและแดดอ่อนๆ"

            ครูเริ่มสอนเธอ และพบว่าเฮเลนเรียนรู้ได้อย่างรวดเร็ว ไม่ช้าหนูน้อยคนนี้ก็อ่านหนังสือตัวนูน (หนังสือเบรล) ได้อย่างคล่องแคล่ว เมื่อครูเห็นว่าเธอมีประสิทธิภาพในการเรียนมากพอสมควรแล้ว เฮเลนก็เริ่มบทเรียนในการฝึกพูด โดยฝึกเปล่งเสียงจากลำคอ การใช้ลิ้น และ ริมฝีปาก เฮเลนต้องคลำอวัยวะเปล่งเสียงของครูผู้สอนเพื่อจะเลียนแบบเสียง จนในที่สุดเธอก็พูดได้ คนที่ไม่คุ้นอาจจะฟังยาก แต่ถ้าเป็นคนที่ใกล้ชิดจะเข้าใจอย่างง่ายดาย

            การศึกษาของเธอก้าวหน้าอย่างมากจนเธอสามารถที่จะเข้าเรียนวิทยาลัยอย่างแร็ดคลิฟฟ์ (Radcliffe) โดยมีครูของเอนติดตามให้ความช่วยเหลืออย่างใกล้ชิด ในตอนแรกก็ยากลำบาก แต่เธอก็จบด้วยเกียรตินิยม เธอเริ่มเขียนประวัติชีวิตของตนเองเมื่ออยู่วิทยาลัย "อาจจะเป็นสิ่งที่ยากลำบาก" เธอบรรยายในหนังสือ "ที่จะหาเด็กคนใดมีความสุขยิ่งไปกว่าฉันขณะเมื่อฉันนอนอยู่ปลายเตียงเล็ก ๆ นับเป็นครั้งแรกที่ฉันกระหายที่จะให้วันใหม่มาถึง"

            ด้วยความที่ตาบอดและหูหนวกทำให้เธอฝึกฝนประสาทสัมผัสอื่น ๆ จนเชี่ยวชาญ เธอสามารถรู้ว่าคนที่สนิทของเธอพูดอะไรจากการเอามือไปสัมผัสที่ริมฝีปากของผู้พูด และเธอบันเทิงรื่นรมย์จากวิทยุกระจายเสียงโดยอาศัยการสั่นสะเทือนของวิทยุ เธอได้รับการบันเทิงจากเพลงโดยการใช้นิ้วแตะที่คอของนักร้องเบา ๆ เธอสามารถจำคนที่เคยจับมือกับเธอต่อให้นานแค่ไหนก็ตาม

            ด้วยความเชี่ยวชาญ ความขยัน วินัย และความช่วยเหลือของครูแอนทำให้เฮเลนเติบโตขึ้นมาเป็นนักพูด นักเขียน นักการเมือง วิทยากร อาจารย์ และนักต่อสู้เพื่อสิทธิเสรีภาพของตนพิการ ที่มีชื่อเสียงระดับโลก ตราบจนวาระสุดท้ายของเธอ 

            ผมเขียนนำเสนอประวัติของ เฮเลน เคลเลอร์ (Helen Keller) ขึ้นมานอกจะเป็นการให้กำลังใจกับผู้อ่านทุกคนแล้ว ผมยังอยากให้ผู้อ่านเห็นความทุ่มเทของครูแอน ผมยกให้ครูแอนเป็นตัวแบบของความเป็นครู เพราะมันแสดงให้เห็นว่า "ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตามสามารถเรียนรู้ได้ทั้งนั้น" และ "ประสิทธิภาพของมนุษย์นั้นเหนือจินตนาการ"

            ด้วยความที่ผมเป็นครูการศึกษาพิเศษทำให้ผมได้สอนนักเรียนที่มีภาวะออทิสติกสเปกตรัมมากมาย ผมจึงตระหนักได้เลยว่า มันต้องใช้กำลังใจ ความทุ่มเท ความมุ่งมั่น และอื่น ๆ อีกหลายอย่างเพื่อเสริมสร้างการเรียนรู้ให้กับพวกเขาได้ ซึ่งผมคิดว่าครูแอนต้องใช้มันมากกว่าหลายเท่าเพราะลูกศิษย์ของเธอตาบอดและหูหนวก

            ไม่ว่าเราจะเจอปัญหาแบบใด ขอให้ยกเรื่องราวของเฮเลน เคลเลอร์และครูแอนขึ้นมา เพื่อเป็นตัวอย่าง แรงบัลดาลใจ และแสงสว่างในการดำเนินชีวิต เฮเลน เคลเลอร์ผู้ที่เคยตกอยู่ในความมืดและความเงียบสงัด จนกระทั่งวันหนึ่งเธอสามารถเรียนรู้จนเข้าใจได้ว่า "คนเราสามารถเข้าใจกันได้" ซึ่งเธอได้กล่าวเอาไว้ว่า

"สิ่งที่งดงามที่สุดในโลก รับรู้ด้วยใจ"

ความคิดเห็น