วินสตัน เชอร์ชิล (Winston Churchill) วัยหนุ่ม

" หากคุณกำลังก้าวเข้าสู่ขุมนรก จนก้าวต่อไป"  Winston Churchill
จากตอนที่แล้วในวัยเยาว์ที่เลือกเรียนและเก่งเฉพาะด้านจนเป็นอันดับต้นๆของโรงเรียนทหาร วัยเด็กที่ผูกพันธ์กับการวางแผน ความทะเยอทะยานที่จะเป็นคนยิ่งใหญ่ จากวัยเยาว์ที่รู้สึกด้อยจากการเรียน ทำให้มหาบุรุษผู้นี้เป็นราชสีห์แห่งอังกฤษ

            วินสตันจบจากโรงเรียนทหารได้ที่แปดจากนักเรียนร้อยห้าสิบคนในปี 1895 และได้ประจำอยู่เหล่าทหารม้าที่สี่ ด้วยความที่วินสตันเป็นคนที่กล้าหาญ และกระตือรือร้นที่จะประสบความสำเร็จมีชื่อเสียงเขาจึงอาสาไปคิวบาในขณะที่กำลังเกิดการปฏิวัติ โดยมุ่งหมายจะเป็นผู้สังเกตการณ์ เพื่อจะได้มีความชำนาญในการรบ และเพื่อช่วยค่าใช้จ่ายเขาทำสัญญากับหนังสือพิมพ์เดลลี่กราฟฟิค ทำหน้าที่ส่งข่าวสาร

            หลังจากที่เขากลับมาจากคิวบาเขาได้ตำแหน่งที่สูงซึ่งเด็กหนุ่มมักจะมาได้ไม่เร็วขนาดนี้ ต่อมาจากนั้นเขาก็เริ่มเดินทางไปอินเดียกับกรมทหารเดิมของเขา

            ในขณะที่เขาอยู่อินเดียเมื่อวันที่เขาว่างก็มักจะหาหนังสือที่พกติดมาด้วยมาอ่าน เช่น ประวัติศาสตร์ อวสานของอาณาจักรโรมัน จากนั้นเขาก็มักเขียนหนังสืออกมา ซึ่ง การอ่านและการเขียนของเขาในช่วงเวลาที่เขาอยู่อินเดียทำให้วินสตันมีความสามารถในการพูดที่จูงใจคนอื่น มีความรู้ ความสามารถในการใช้ภาษาที่จูงใจผู้คน และเขียนในอนาคต

            ที่ออมเดอร์แมน นายร้อยโทหนุ่ม วินสตัน เชอร์ชิล ได้เข้าประจัฐบานอย่างจัง เขาได้เห็นม้าและทหารล้มตายจำนวนมาก จึงได้ทำเขาได้ผลักดันเกี่ยวกับการใช้เครื่องยนที่มีเกราะ ซึ่งคำแนะนำของเขาทำให้เกิดรถถังในสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง

            เชอร์ชิลสนใจทางด้านการเขียนการสร้างเรื่องราวอย่างหนังสือพิมพ์มากกว่าการทหารเขาจึงได้ออกจากหทาร และสมัครเป็นผู้แทนราษฎร แต่ไม่ชนะเขาเขียนหนังสือมากมาย แต่ก่อนที่หนังสือชื่อ The River War จะได้พิมพ์สงครามบัวร์ก็เกิดขึ้น เชอร์ชิลซึ่งกลายเป็นนักหนังสือพิมพ์เดินทางไปอาฟริกาใต้ทันที เพื่อจะได้ข่าวรบจากแนวหน้าจริงๆ

            รถไฟที่เชอร์ชิลนั่งไปถูกลอบโจมตี พวกบัวร์ได้ยิงปืนใหญ่จากที่สูง และทหารปืนยาวระดมยิงไปที่รถไฟ ทุกคนพยายามที่จะเอาชีวิตรอด ระหว่างที่ทุกคนกำลังต่อต้านการรุกราน วินสตันชักชวนพรรคพวกให้ร่วมมือกันรื้อสิ่งกีดขวางทางรถไฟโดยปลดขอเกี่ยวให้ขบวนรถจนรถไฟหลุดออกไปพ้นจากสนามรบ แต่วินสตัน เชอร์ชิลและพวกโดยจับเป็นเชลย

            ครั้งหนึ่งเขาเคยวางแผนกับเพื่อนเชลยด้วยกัน ก่อการกบฏโดยจะปลดอาวุธผู้คุมทั้งหมด แต่นั้นเป็นเพียงก้าวแรกเท่านั้น ใกล้ๆกัน ยังมีค่ายเชลยซึ่งเป็นทหารอังกฤษอีกสองพันคน แผนการของเขาครอบคลุมไปถึงอิสรภาพของทหารอังกฤษทุกคน

            เชลยทั่งสามคนรอจนถึงคืนที่เหมาะ และหลังจากนอนแอบอยู่ครู่ใหญ่วินสตันก็ได้โอกาส เขาสิ่งอย่างเงียบที่สุดไปยังกำแพง ปีนขึ้นและข้ามออกมากระโดนลงไปนอกกำแพงที่มึดสนิท เขาหมอบรอเพื่อน แต่โชคร้ายที่เพื่อนของเขาสองคนหนีออกมาไม่ได้ วินสัตนมีเงินติดตัวเพียงน้อยนิด และ ช๊อกโกแลตไม่กี่แท่งส่วนเข็มทิศและแผนที่ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญติดอยู่กับเพื่อนทั่งสองคนที่หนีมาไม่ได้

            ในระหว่างเดินทางในระหว่างตกสายที่แดดร้อนจัดเขามีเพื่อนคือแร้งตัวใหญ่ที่บินวนไปวนมาอยู่ด้วยสายตาหิวกระหาย เป็นการเดินทางที่ยากลำบากเพราะมียามเผ้าอยู่แทบทุกสะพาน เขาต้องเดินอ้อมไปในทุ่งนา จึงได้เห็นกองไฟ แสดงว่าน่าจะเป็นหมู่บ้านพวกแคฟเฟอร์ เขาจึงตัดสินใจเข้าไปขอความช่วยเหลือ เพราะชาวแคฟเฟอร์ที่ชอบอังกฤษก็มี ถ้าโชคดีเขาอาจได้ม้าเป็นพาหนะเดินทางก็ได้

            แต่พอเขาเข้าไปใกล้กลับเป็นเพียงแค่บ่อถ่านหิน เขาจะถอยหลังกลับไปก็ไม่ได้เพราะจะสว่างแล้ว จำเป็นที่จะต้องหาที่ซ้อน โชคดีที่เป็นบ้านของชาวอังกฤษ จอห์น โฮเวิร์ด เขาได้เลี้ยงดูวินสตันเป็นอย่างดีและช่วยซุกซ่อนจนกว่าจะจัดการหาทางหนีให้เขาได้ หลายคืนต่อมาวินสตันแอบขึ้นรถไฟ โดยซ่อนตัวอยู่ในมัดขนสัตว์พอไปถึงเขตปอร์ตุเกสซึ่งเป็นกลางและรีบเข้าไปหากงสุลอังกฤษทันที

            การหลบหนีคาวนี้ทำให้วินสตันโด่งดังมากๆ แต่มันก็ทำให้เขาอยากกลับเข้าไปเป็นทหารต่อ เขาจึงได้เข้ารบจนกระทั่งสงครามอาฟริกาใต้เลิกจึงกลับมาเป็นสมาชิกผู้แทนราษฎร

            จากสงครามที่อินเดีย ไปจนถึงสงครามบัวร์ที่อาฟริกา จากผลงานประวัติศาสตร์ไปจนถึงงานเขียนประวัติศาสตร์ของตัวเอง ทำให้วินสตันเป็นนักรบที่กล้าหาญ ฉลาดและมีประสบการณ์จากการรบหลายภูมิภาค ความเหนื่อยยากและความลำบากสั่งสอนให้วินสตันเข้าใจจิตใจของทหาร เพื่อนร่วมทาง ทำให้อนาคตวินสตันเข้าใจประชาชน ทหาร และมองทุกๆอย่างในชีวิตในแง่ดี จากประสบการณ์ที่ผ่านมา และเป็นผู้นำที่ยิ่งใหญ่ตลอดกาล
"คนที่มองโลกในแง่ร้ายจะเห็นอุปสรรคในทุกโอกาส แต่คนที่มองโลกในแง่ดีจะเห็นโอกาสอยู่ในทุกอุปสรรค" Winston Churchill

ความคิดเห็น