ประโยชน์ของการอ่าน

"สิ่งที่อยู่ในหนังสือ คือ จิตวิญญาณของเวลาในอดีตทั้งหมด คือการประสานของเสียงในอดีตที่เรายังสามารถได้ยิน ในขณะที่ร่างกายและสสารต่างๆ ได้สูญสลายไปเหมือนกับความฝัน" ธอมัส คาร์ไรล์ (1795 - 1887 )
ถ้าพูดถึงการอ่าน สังคมไทยเราคงคาดหวังเกี่ยวกับเรื่องการอ่านหนังสือเรียน เพราะว่าไทยเราไม่ได้ปลูกฝังเกี่ยวกับการอ่านเลย ในต่างประเทศจะมีการปลูกฝังเกี่ยวกับการอ่านเช่น อ่านนิทานก่อนนอน หรือการเรียนเลียนแบบพ่อแม่ ซึ่งเป็นกระบวนการที่เกิดขึ้นในวัย 3-5ขวบ ทำให้เด็กๆ ติดนิสัยการอ่าน

หากสามารถสร้างนิสัยในการอ่านให้เกิดขึ้นได้ เด็กก็สามารถที่จะเก็บพื้นฐานประสบการณ์เหล่านี้ ไปต่อยอดในอนาคตเช่น เมื่อเด็กเรียนมหาวิทยาลัย หรือ มัธยมปลาย ก็จะมีการอ่านทางด้าน วิทยาศาสตร์ ปรัชญาเป็นต้น

ถ้าถามว่าแล้วการอ่านเป็นพื้นฐานของทุกประสบการณ์อย่างไร ก็ต้องเริ่มจาก ประโยชน์ของมัน

ภาพวาด Abraham Lincoln กำลังอ่านหนังสือในค่าย
1.การอ่านทำให้มีคำศัพท์มาก ขึ่นเราสามารถที่จะพูดคุยแล้วใช้คำศัพท์ได้มากทำให้สามารถทำให้ผู้อื่นคล้อยตามเราได้ อับราฮัม ลินคอร์น (Abraham Lincoln) เป็นคนที่มีนิสัยรักการอ่านอย่างยิ่ง ในวัยเด็กลินคอร์นต้องเดินทางหลายกิโลเพื่อจะไปยืมหนังสือที่ห้องสมุด หรือยืมหนังสือผู้ใหญ่ใจดี เพราะที่บ้านของลินคอร์นมีหนังสือไม่กี่เล่มซึ่งลินคอร์นนั้น ก็อ่านซ้ำไปซ้ำมาอย่างสนุกสนาน และใคร่รู้ ประสบการณ์เหล่านี้ของลินคอร์นหล่อหลอมให้เขานั้นโตขึ้นมาเป็นคนที่สามารถใช้คำศัพท์ประกอบคำพูดอย่างอย่างซาบซึ้งกินใจ 

นอกจากนั้นยังส่งผลต่อทักษะการเขียนอีกด้วยทำให้เขียนศัพท์ได้มากขึ้น และสามารถเขียนอะไรที่กินใจ หรือสวยงาม เช่นกวี หรือร้อยเรียงคำพูดให้สวยงาม

2.การอ่านทำให้จดจำได้ดีขึ้น ยิ่งเราอ่านหนังสือมากก็จะยิ่งจดจำได้ดีขึ้นไม่ว่าจะเป็นเรื่องราวของตัวละคร หรือโครงสร้างของเรื่อง มันจะกลายเป็นพื้นฐานของประสบกาณ์เราทำให้จดจำเรื่องราวต่างๆได้ดี หากเราเรียนหนังสือ แล้วสามารถจดจำเนื้อหาเป็นเรื่องราวต่างๆ ก็จำทำให้จำได้ดีขึ้น และที่สำคัญการที่เราจดจำเรื่องราวต่างๆได้อย่างดี ทำให้เวลาเราพูดคุยกับใครก็จะมีเรื่องเล่าเยอะ ทำให้อีกฝ่ายเพลิดเพลินได้ และทำให้การสนทนาไม่น่าเบื่ออีกด้วย

ภาพของ Dopamine ที่หลั่งเฉพาะสมองส่วนหน้า
3.การอ่านทำให้มีความเข้าใจ ความรู้ การวิเคราะห์เพิ่มมากขึ้น ขอรวบเอาไว้เป็นสิ่งเดียวกันสำหรับสิ่งที่เราแทบไม่มี แต่ทำให้มันมากขึ้นกว่าเดิมเยอะมากๆ ทำไมถึงสิ่งเหล่านี้ถึงเพิ่มขึ้น หลายคนคงคิดถึงหนังสือเรียนเพราะว่า มันเกี่ยวกับการเรียนโดยตรง แต่หนังสือเรียนเราจะได้อะไรจากมันน้อยมากๆเพราะว่าเราไม่ได้สนใจมันเท่าที่ควร เราอ่านเพราะมันจำเป็น การจดจำจะเกี่ยวข้องกับสารสื่อประสาทที่เรียกว่า Dopamine เป็นสารที่เรียกว่า Reward หรือการให้รางวัล เวลาเราทำอะไรก็ตามที่พอใจ เสพยา บุรหรี่ สุรา หรือบางอย่างที่เราชอบมันจริงๆ ดังนั้นแล้วหากเราทำอะไร แล้วเรารักเราชอบ Dopamine จะหลั่งทำให้เรามีความสุข อารมณ์ดี การอ่านในสิ่งที่เราชอบจริงๆ ก็จะทำให้เรามีความสุข จำอะไรได้เยอะ ทำให้เก็บข้อมูลได้เยอะ ข้อมูลนี้แหละก็คือความรู้

"คนเราควรอ่านหนังสือตามที่เขาอยากอ่าน เพราะคนที่อ่านหนังสือแบบเป็นงานที่ต้องอ่าน จะไม่ได้อะไรมากนัก" Samuel Johnson (1709 -1784)

นอกจากนั้นหากเราอ่าน วรรณกรรมคลาสสิก ปรัชญา ประวัติศาสตร์ จิตวิทยา เราจะเข้าใจความคิดต่างๆในยุคสมัยนั้นๆ การเสียดสี และบทเรียนมากมาย ทำให้เราเกิดประสบการณ์ทางอ้อมมากมายส่งผลให้เราเข้าใจความเป็นไปของผู้อื่น และโลกนี้มากขึ้น เข้าใจว่าทำไมคนถึงเป็นแบบนี้ คนเราไม่ได้จดจำประวัติศาสตร์และไม่เคยเอาประวัติศาตร์เป็นบทเรียน ทำให้เรามีทักษะการวิเคราะห์และสังเคราะห์ต่อไป เช่น มนุษย์เราไม่มีทางปิดบัญชีกับอดีตได้ อดีตจะคอยตามหลอกหลอน และซ้ำร้ายถึงแม้อดีตจะตามหลอกหลอน แต่คนเราก็ยังทำผิดพลาดซ้ำเดิมๆ

สุดท้ายอยากเริ่มสร้านิสัยการอ่านให้ดียิ่งขึ้น เพราะจากที่กล่าวมาการอ่านเป็นพื้นฐานของทุกสิ่ง หากเริ่มที่การอ่านได้ ก็จะส่งผลให้ประสบความสำเร็จในอนาคต
"มีความมั่งคั่งอยู่ในหนังสือมากกว่าสมบัติโจรสลัดทั่งหมดในเกาะมหาสมบัติ.. และดีที่สุดคือ คุณสามารถที่จะชื่นชมกับความมั่งคั่งเหล่านี้ได้ทุกวันตลอดทั่งชีวิตของคุณ" วอลท์ ดิสนีย์ (1901 - 1966)        
                                

ความคิดเห็น