การเลี้ยงดูและการศึกษา จากกรณีศึกษาอับราฮัม ลินคอร์น และ สตีฟ จ็อบส์

"ผมรับรู้เสมอว่าความเมตตาให้ผลดีมากกว่าความยุติธรรมที่เข้มงวด" Abraham Lincoln

            เมื่อผมมองกลับไปในวัยเด็กของผม ผมมักมองไม่เห็นความเมตตาจากใคร ผมไม่เคยรู้จากคำว่าเมตตาจนกระทั่งผมโตขึ้น ผมคิดว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดในวัยเด็กคือความเมตตา เพราะพฤติกรรมของเด็กมักจะไม่เป็นไปตามที่ผู้ใหญ่คาดหวังไว้ เนื่องจากโครงสร้างความคิดของเด็กและผู้ใหญ่มีความแตกต่างกัน มาจากทั้งประสบการณ์และวุฒิภาวะ

            วัฒนธรรมของไทยเรามักจะใช้ความเข้มงวดกับเด็กอยู่เสมอ เราจึงมีสุภาษิตทำนองที่ว่า รักวัวให้ผูก รักลูกให้ตี และวิธีแก้ปัญหาของผู้ใหญ่ที่มีต่อเด็กคือความรุนแรง ในขณะที่สังคมตะวันตกจะมองว่าความรุนแรงต่อเด็กเป็นสิ่งที่ไม่สมควรทำ หลายคนคงคิดว่าไม่เห็นจะเป็นไร ก็วัฒนธรรมมันแตกต่างกัน แต่อย่าลืมว่าความสามารถ ความคิดความอ่าน เด็กไทยไม่สามารถเทียบกับเด็กตะวันตกได้โดยเฉลี่ย

            บุคคลสำคัญของโลกมากมายก้าวขึ้นมาจากความเมตตาเล็กๆน้อยๆ หรือยิ่งใหญ่ เฮเลน เคลเลอร์ ได้รับความเมตตาจากครูแอนของเธอแม้ว่าเธอจะตาบอดหูหนวกก็ตามแต่เธอกลับสามารถก้าวขึ้นมาจนเป็นคนที่ยิ่งใหญ่ได้ นีล ไทสัน ได้รับความเมตตาจาก คาร์ล ซาแกน ในสมัยวัยรุ่นซึ่งเป็นไอดอลของนีลจนทำให้นีล ไทสันเป็นนักดาราศาสตร์ที่ยิ้่งใหญ่คนหนึ่งในสมัยนี้ รวมไปถึงบุคคลที่เปลี่ยนแปลงโลกอย่าง ฮับราฮัม ลินคอร์น และ สตีฟ จ็อบส์

            ในวัยเด็กของอับราฮัม ลินคอร์นนั้นเรียกได้ว่าย่ำแย่ ลินคอร์นแทบจะไม่ได้เรียนหนังสือ แต่กระนั้นลินคอร์นก็ได้ศึกษาอ่านด้วยตัวเองอยู่เสมอ จนมีความรู้ที่มากกว่าใครๆช่วงนั้นเองเขาเริ่มแสดงให้ปรากฏชัดถึงลักษณะอันโดดเด่นพิเศษของเขาซึ่งผิดแผกแตกต่างกับนักเรียนอื่นๆ ในระแวกนั้น เขาต้องการที่จะเขียนบรรยายความรู้สึกนึกคิดต่อเหตุการณ์ต่างๆ ซึ่งเป็นที่สนใจของประชาชน มีอยู่หลายครั้งที่เขาเขียนบรรยายเป็นโคลง เขานำโคลงและความเรียงที่เขาแต่งไปให้  วิลเลียม วูด เพื่อนบ้านผู้หนึ่ง เพื่อการวิจารณ์ และเป็นที่น่าสนใจอย่างยิ่ง

            ความเรียงชิ้นแรกของเขาซึ่งเขียนขึ้นที่โรงเรียนถูกกระตุ้นจากการเล่นอย่างโหดร้ายทารุณของเพื่อนๆ เด็กเหล่านั้นจับเต่ามาแล้วเอาถ่านลุกแดงวางบนหลัง ลินคอร์นขอร้องเพื่อนๆ เหล่านั้นเลิกเล่นแบบนี้ และวิ่งไปเตะถ่านออกจากหลังเต่าทั้งๆที่ไม่ได้ใส่รองเท้า นี้คือความเรียงชิ้นแรกของเขาซึ่งวิงวอนให้มีความเมตตากรุณาต่อสัตว์ ทั้งนี้แสดงว่าเด็กคนนี้เคยมีความรูสึกเมตตาอย่างลึกซึ้งต่อผู้ที่ถูกทรมาน ซึ่งความรู้สึกนี้ได้เป็นนิสัยของเขาตลอดมาจนเป็นผู้ใหญ่

            สตีฟ จ็อบส์ เป็นคนที่สุดยอดที่สุดคนหนึ่งในศตวรรษนี้ จ็อบส์เป็นคนที่แทบจะไม่มีความเมตตาในที่ทำงาน ถึงแม้ว่าจะเป็นคนที่ผลักดันคนอื่นได้ในระดับเทพก็ตาม แต่เนื่องจากสตีฟ จ็อบส์มีความรู้สึกว่าโดนถูกทิ้งจากพ่อแม่ที่แท้จริง จึงเป็นปัจจัยที่ส่งผลให้บุคลิกของสตีฟ จ็อบส์เป็นสตีฟ จ็อบส์แบบที่ทุกคนรู้จัก แต่ในวัยเด็กสตีฟ จ็อบส์เคยได้รับความเมตตาจาก คนหลายคนเช่น คุณครู อิโมจิน ฮิลล์ หรือ ครูเท็ดดี้ 

สตีฟ จ็อบส์เคยเล่าไว้ว่า "คุณครูคนนี้คือแม่พระในชีวิตผม" หลังจากที่ครูคนที่เฝ้าดูจ็อบส์มาไม่กี่อาทิตย์เห็นพฤติกรรมแผงๆของจ็อบส์มากมาย รวมถึงประวัติการชอบแกล้งคนของจ็อบส์  วันหนึ่งหลังเลิกเรียนครูยื่นแบบฝึกหัดให้จ็อบส์ บอกให้เอากลับไปทำที่บ้าน แล้วครูก็เอาอมยิ้มแท้งเบ้อเริ้มออกมาโชว์พร้อมกับเงิน 5 เหรียญ โดยตั้งเงื่อนไขว่าถ้าจ็อบส์ทำการบ้านนี้จะมอบให้ จ็อบส์เอาการบ้านกลับไปทำและกลับมาส่งภายใน 2 วัน หลังจากนั้นไม่กี่เดือนครูก็ไม่จำเป็นต้องติดสินบนจ็อบส์อีกแล้ว กลายเป็นว่าจ็อบส์ตั้งใจเรียนเพื่อให้คุณครูดีใจแทน 

ฟังดูเป็นเรื่องติดสินบนที่ใครๆก็ทำได้ แต่ผมเชื่อว่าคุณครูคนนี้คงเห็นลักษณะบางอย่างในตัวจ็อบส์ และการที่มีใครมาสนใจในตัวเรา และผลักดันเรา ผมว่านั้นเรียกว่าความเมตตา

            นอกจากนั้นแลร์รี่ แลงก์ วิศวกรแถวบ้านที่ยกอะไหร่เครื่องมือต่างๆให้จ็อบส์ และ บิล  ฮิวเล็ตต์ CEO ของ HP ที่ให้อะไหร่เครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์ แถมยังทำจ็อบส์ทำงานในโรงงานผลิตเครื่องวัดความถี่อีกด้วย รวมไปถึงพ่อแม่บุญธรรมที่รัก และดูแลเลี้ยงดูจ็อบส์มาอย่างดี ถึงแม้ว่าจ็อบส์จะรู้สึกถูกทอดทิ้งจากพ่อแม่แท้ๆ แต่ก็ได้รับความรู้สึกที่เป็นคนพิเศษจากพ่อแม่บุญธรรม

            สิ่งที่จ็อบส์ได้รับแตกต่างกับลินคอร์น ลินคอร์นโตขึ้นมาพร้อมกับความแร้นแค้น พ่อที่ดุดัน ความสูญเสียจากแม่แท้ๆของตัวเอง พี่สาว และน้องชาย แม้ว่าลินคอร์นจะได้รับความรักความเมตตาจากแม่เลี้ยง แต่นั้นก็เทียบไม่ได้จากความทุกข์ทรมาณจากชีวิตของลินคอร์น แต่ลินคอร์นกลับเติบโตขึ้นกลายเป็นคนที่มีความเมตตาอย่างสูง ผมคิดว่าคนที่ถูกธรรมชาติของชีวิตทำร้ายจะเติบโตขึ้นมาเป็นคน 2 ประเภท คนแรกจะเติบโตมาแบบขาดๆ ดังนั้นจะต้องการบางสิ่งบางอย่างจากธรรมชาติมาเติมเต็มให้สมบูรณ์ แต่อีกคนจะเติบโตมาแบบขาดๆเช่นเดียวกัน แต่จะเห็นอกเห็นใจในสิ่งที่ตัวเองโดน และสามารถนำเอาสิ่งอื่นมาเติมเต็มสิ่งที่ขาดไป

            สุดท้ายเราจะเห็นว่าคนที่มีความเมตตาให้กับคนอื่น ก็จะส่งเสริมทำให้คนเหล่านั้นเกิดการพัฒนาอย่างเช่นสิ่งที่ สตีฟ จ็อบส์ได้รับ และสิ่งที่ ลินคอร์นได้รับจากแม่เลี้ยง และความเมตตาก็ส่งเสริมบุคคลเหล่านี้ให้เจริญเติบโตก้าวขึ้นมาเปลี่ยนโลกได้ ดังนั้นจึงไม่ต้องส่งสัยแล้วว่าความเมตตาให้ผลดีมากกว่าความเข้มงวดอย่างแน่นอน
"ความเมตตาอยู่เหนือสามัญสำนึกของมนุษย์"

ความคิดเห็น