ชีวิตคือระลอกคลื่นแห่งความเปลี่ยนแปลงที่ไม่เคยหยุดนิ่ง

"ความทุกข์และความสุขวิ่งผ่านไปมาอยู่ตลอดเวลา"

            แม้ผมจะไม่ชอบเล่นน้ำทะเลมากเท่าไหร่นัก เพราะรู้สึกว่ามันมีทรายที่ทำความสะอาดออกได้ยาก รู้สึกตัวเหนียวและอาจจะเพราะว่าในอดีตผมเล่นน้ำทะเลจนตัวดำ ผมเลยไม่ชอบมันเท่ากับคนอื่น แต่สิ่งที่ผมชอบเกี่ยวกับทะเลก็คือการมองดูคลื่นที่ซัดเข้าออก และการนั่งฟังเสียง ความรู้สึกสบายใจเมื่อมองธรรมชาติคงเป็นสัญชาตญาณในร่างกายผมที่ทำงานโดยอัตโนมัติ

            ระลอกคลื่นมีความพิเศษอยู่หลายอย่าง สิ่งที่ผมพอจะนึกออกไม่ใช่ความรุนแรงหรือความน่ากลัว หรือแม้แต่จะเป็นความงดงาม แต่เป็นการทำงานที่ไม่หยุดนิ่ง ระลอกคลื่นจะดำเนินงานของมัน เข้ามาและออกไปอยู่เสมอ และดำเนินอย่างไม่เป็นรูปร่างคงที่ กล่าวคือ คลื่นที่ซัดเข้าออกจะมีขนาดแตกต่างกันขึ้นอยู่กับปัจจัยหลาอย่างที่เป็นการทำงานของธรรมชาติแห่งท้องทะเล

            ความวิเศษนี้ทำให้ระลอกคลื่นทะเลมีความน่าสนใจ รูปร่างหรือขนาดที่ไม่คงที่ทำให้มันเป็นสัญลักษณ์แห่งการเปลี่ยนแปลงที่ไม่มีวันหยุดนิ่ง ผมนึกถึง อนิจจตา หรือ ความไม่เที่ยง เป็นส่วนหนึ่งของหลักธรรมไตรลักษณ์ในศาสนาพุทธ ที่สะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลง เกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป ทุกอย่างสามารถเปลี่ยนแปลงได้ บางครั้งสิ่งที่ดีเกิดขึ้น บางครั้งสิ่งที่เลวร้ายก็เกิดขึ้นได้เช่นกัน และสุดท้ายมันก็จะต้องจบลง คลื่นที่ซัดเข้าสู่ฝั่งใช้เวลาไม่นานมันก็จะซัดออกไป

นี่คือความวิเศษของธรรมชาติที่สอนเราถึงการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา 

            ในระหว่างที่ผมเขียนบทความนี้ผมสังเกตอารมณ์ของตัวเอง ความทุกข์และความสุขวิ่งผ่านไปมาอยู่ตลอดเวลา ผมนึกถึงสิ่งที่ผมจะทำวันนี้ ไม่ว่าจะเป็นการไปเที่ยว การฟังเพลง การกินอาหารที่อร่อย แต่สุดท้ายก็ต้องรู้สึกทุกข์ใจกับงานที่จะมาถึงในวันจันทร์ ทุกข์ใจกับความวิตกกังวลกับสิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้น หรือมันอาจจะไม่เกิดขึ้นเลยก็ได้ ความรู้สึกนี้ซัดเข้าและซัดออกซ้ำแล้วซ้ำเล่าไม่ต่างกับระลอกคลื่น

รูปร่างและขนาดที่ไม่คงที่ของเกลียวคลื่น ทำให้มันเป็นสัญลักษณ์แห่งการเปลี่ยนแปลงที่ไม่มีวันหยุดนิ่ง

            "ทำอย่างไรผมถึงจะเข้มแข็งขึ้นได้" เป็นคำถามที่ผมเฝ้าถามตัวเองอยู่เสมอ มันจะมีวันนั้นหรือไม่ หรืออาจจะไม่มีเลยก็ได้ ไม่มีอะไรแน่นอนบนโลกใบนี้ และนอกจากนั้นยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่ผมสังเกตก็คือเวลาที่ผมมีความสุข ช่วงเวลาเหล่านั้นมันจงหายไปอย่างรวดเร็วไม่ต่างจากหิมะบนฝ่ามือ และก็เช่นเดียวกันความรู้สึกทุกข์ก็จางหายไปอย่างรวดเร็วเมื่อเหตุการณ์เลวร้ายได้ผ่านไป แม้เราจะเฝ้าคิดถึงมันก็ตาม ไม่แปลกเพราะความทุกข์คือสิ่งที่เรากลัว

            ความรู้สึกนี้ทำให้ผมนึกถึง หนึ่งในบทเพลงที่ผมชื่นชอบมากที่สุดก็คือ Wave ที่ขับร้องโดย ดีน ลูวิส (Dean Lewis) โดยเฉพาะท่อน "อิสระที่ร่วงหล่นหายไป ความรู้สึกที่ฉันคิดว่าทุกสิ่งทุกอย่างมันแน่นอนแล้ว มันได้หลุดออกจากนิ้วมือของฉัน ฉันพยายายามอย่างหนักเพื่อจะปล่อยวาง มันมาและไปเหมือนกับคลื่น มันมาและไปเหมือนกับคลื่น และพาเราออกไป"

            บทเพลงท่อนนี้สะท้อนถึงชีวิตที่ไม่มีอะไรแน่นอน เมื่อเราคิดว่ามีทุกสิ่งทุกอย่างแล้ว เกลียวคลื่นก็จะซัดสิ่งที่เรามีออกไป และเช่นเดียวกันเมื่อเรารู้สึกสูญสิ้นทุกอย่างแล้ว เกลียวคลื่นก็ซัดเอาความรู้สึกเป็นสุขเข้ามา "มันมาและไปเหมือนกับคลื่น" เพราะชีวิตคือระลอกคลื่นแห่งความเปลี่ยนแปลงที่ไม่เคยหยุดนิ่ง 

            ดังนั้นเราจึงไม่ควรอาลัยอาวรณ์มากกับสิ่งที่เรามี สิ่งที่เราอยากได้ เพราะความรู้สึกที่เป็นสุขมันจะต้องจางหายไปอย่างแน่อน การที่เราพยายามทุบตีกับชีวิตเพื่อให้ได้สิ่งใดสิ่งหนึ่งที่เราปรารถนามา มันเป็นสิ่งที่ไม่คุ้มค่า เพราะคลื่นจะซัดมันออกไป ในขณะเดียวกันต่อให้เราทุกข์มากแค่ไหน มันก็จะอยู่ได้ไม่นานตราบเท่าที่ใจเราอนุญาตให้มันอยู่ เพียงแค่เราไม่สามารถปฏิเสธการเข้ามาของมันได้ 

เนื่องจากโลกใบนี้ และตัวผู้คนยังต้องปรับปรุงและเปลี่ยนแปลงให้เป็นเวอร์ชั่นที่ดีต่อไป ยุคสมัยนี้มันยังไม่ใช่ อาจจะเป็นอนาคตอันใกล้หรือยาวไกลยากที่จะรู้ได้ อย่างไรก็ตาม "โลกนี้มันซึมเศร้า" ด้วยตัวมันเอง ความทุกข์จึงเป็นธรรมชาติที่จะเกิดขึ้น เราคงทำได้แค่หาทางพยายามรักษาสมดุลระหว่างทุกข์และสุขต่อไป ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากใช้ชีวิตต่อไป และหยุดนิ่งมองดูคลื่นแห่งชีวิตที่ซัดเข้าออกอย่างใจเย็น 

"มันเข้ามาแล้วออกไปเหมือนกับคลื่นทะเล มันมักจะเป็นแบบนั้น"

ความคิดเห็น