การเอาชนะปมด้อยในวัยเยาว์ของ เจมส์ เอิร์ล โจนส์ (James Earl Jones) ผู้พากษ์เสียงดาร์ธ เวเดอร์

การให้กำลังใจกับตัวเอง และให้กำลังใจกับผู้อื่น เป็นวิธีที่ง่ายที่สุดในการปรับกรอบแนวคิดของกันและกัน

            ปมเด่น ปมด้อยเป็นสิ่งที่มนุษย์ทุกคนล้วนมีเหมือนกัน ซึ่งเกิดจากการประเมินของตัวเราเอง โดยอิงจากค่านิยมของสังคม กล่าวคือหากสังคมมองว่าสิ่งนี้คือลักษณะเด่น เราก็จะมองทักษะหรือความสามารถที่สอดคล้องกันว่าเด่น เช่น กีฬา ดนตรี การเรียน ในทางตรงกันข้ามหากบางสิ่งที่ไม่สอดคล้องกับค่านิยมทางสังคม เราก็จะมองมันว่าเป็นปมด้อย เช่น รูปร่างอ้วน ผิวคล้ำ หรือติดอ่าง

            สิ่งนี้คือธรรมชาติของสังคมที่ไม่น่าอภิรมย์เอาเสียเลย เพราะมันทำให้แต่ละคนมีปมด้อยที่รู้สึกแย่กับตัวเอง ทำให้ไม่เห็นคุณค่าของตนเอง อย่างไรก็ตามผมไม่ได้หมายความคนที่มีปมด้อยจะต้องรู้สึกแย่กับตัวเองทุกคน เพราะแม้เราจะประเมินปมเด่น ปมด้อยจากค่านิยมของสังคม มันก็ต้องประเมินผ่านทัศนคติของเราด้วย ดังนั้นหากทัศนคติของเราเป็นบวก และเราไม่ได้มองสิ่งนั้นเป็นปมด้อย เราก็จะไม่รู้สึกด้อยเลย

            เราจึงมักจะพบเห็นคนจำนวนมากที่ครั้งหนึ่งเคยรู้สึกแย่กับตัวเองที่มีปมด้อย ไม่ว่าจะเป็นคนที่เรียนไม่เก่ง รูปร่างอ้วน ผิวคล้ำ แต่สามารถเอาชนะปมด้อยได้หรือแม้กระทั่งอยู่ร่วมกับปมด้อยเหล่านั้นได้โดยที่ตนเองไม่ได้รู้สึกว่ามันด้อยเลย เจมส์ เอิร์ล โจนส์ (James Earl Jones) เป็นนักแสดงและนักพากษ์เสียงชื่อดังที่ครั้งหนึ่งก็เคยทุกข์ระทมกับปมด้อยของตนเอง แต่เขาสามารถเอาชนะมันได้ ผมจึงยกเรื่องราวสั้น ๆ ของเขามาเขียนเพื่อเป็นกำลังใจให้ผู้อ่านทุกคนที่รู้สึกว่าตนเองมีปมด้อย

            เจมส์ เอิร์ล โจนส์ นักแสดงชื่อดังผู้ที่มีชื่อเสียงในการพากษ์เสียงให้สื่อต่าง ๆ เป็นที่รู้จักจากเสียงเบสทุ้มต่ำเป็นเอกลักษณ์ ซึ่งผลงานที่มีชื่อเสียงที่สุดคือเสียง ดาร์ธ เวเดอร์ (Darth Vader) ในภาพยนตร์สตาร์วอร์ ในฐานะนักแสดงเขาได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ในฐานะนักแสดงนำ เมื่อ ค.ศ. 1971 จากบทบาทในเรื่อง The Great White Hope นอกจากนั้น เขายังได้รางวัลออสการ์เกียรติยศในวัย 80 อีกด้วย 

เจมส์ เอิร์ล โจนส์ (James Earl Jones) คือผู้ชายที่อยู่ตรงกลางใส่เนคไทสีแดง

            ฟังดูเหมือนว่าเขาไม่มีปมด้อยอะไรเลย แต่ผู้อ่านทุกท่านอาจจะแปลกใจมาก เพราะเมื่อครั้งหนึ่งโจนส์เคยมีปมด้อยจากการที่เขาพูดติดอ่าง ทำให้เขาประหม่า อาย ไม่กล้าพูดต่อหน้าคนอื่น จนกระทั่งในตอนที่เขาเรียนระดับมัธยม เขาได้เรียนวิชาภาษาอังกฤษกับเคราซ์ อดีตอาจารย์มหาวิทยาลัยผู้ที่เคยทำงานกับนักกวี และวันหนึ่งเคราซ์ได้ค้นพบว่าโจนส์สามารถเขียนบทกวีได้ ซึ่งโจนส์ไม่เคยบอกใครเพราะอายเพื่อน กลัวโดนเพื่อนล้อ 

            โจนส์เล่าว่า "วันหนึ่งผมเอาบทกลอนที่เขียนให้อาจารย์เคราช์ดู แต่ท่านบอกว่ามันดีเกินกว่าที่จะเป็นผลงานของผม เขาสงสัยว่าผมไปลอกใครมา ท่านให้ผมพิสูจน์ โดยการให้ผมท่องกลอนนี้หน้าชั้นเรียน ผมจึงท่องสดเดี๋ยวนั้นโดยไม่ตะกุกตะกักเลย นับจากวันนั้นเป็นต้นมา ผมก็เขียนกลอนและพูดมากขึ้น เรื่องนี้มีอิทธิพลกับผมมาก ทำให้ผมมีความมั่นใจมากขึ้น พร้อม ๆ กับเรียนรู้เรื่องการแสดงออกอย่างง่าย ๆ ด้วยการพูดเสียงดัง ๆ"

            "ในวันสุดท้ายที่โรงเรียน เราเรียนกันในสนามหญ้า อาจารย์เคราช์ให้ของขวัญผมเป็นหนังสือชื่อการพึ่งตนเอง (Self-Reliance) เขียนโดยราล์ฟ วัลโด อีเมอร์สัน ซึ่งมันเป็นของขวัญล้ำค่าของผมตลอดมา มันคือสิ่งที่ท่านสอนผมทั้งหมด คือการลงมือทำ ท่านมีอิทธิพลกับผมอย่างมากและอิทธิพลนี้ยังครอบคลุมทุกด้านของชีวิต ท่านเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ผมเป็นนักแสดงจนถึงทุกวันนี้"

ข้อคิด

            1) เราทุกคนต่างต้องการกำลังใจ เพราะเราทุกคนล้วนรู้สึกว่ามีปมด้อยเสมอ ด้วยความที่เราเกิดมาอย่างแตกต่าง จึงเป็นไปไม่ได้ที่เราจะมีแต่ปมเด่นตามค่านิยมของสังคมเสมอไป และก็เป็นไปไม่ได้เช่นเดียวกันที่เราจะหลีกหนีปมด้อยสักอย่างใดอย่างหนึ่งได้ ยิ่งไปกว่านั้นเพราะด้วยความเป็นมนุษย์ของเราจึงไม่สามารถหลีกหนีสัญชาตญาณที่มักจะเปรียบเทียบตัวเองกับผู้อื่นได้

            ดังนั้นทัศนคติจึงเป็นสิ่งสำคัญซึ่งจะช่วยเอาชนะปมด้อยได้ โดยการจะเปลี่ยนแปลงทัศนคติของตัวเอง และนอกจากเราจะสามารถจัดการกับทัศนคติด้วยตัวเองแล้ว ผู้อื่นยังสามารถยื่นมือเข้ามาช่วยได้โดยการให้กำลังใจ คำชมเชย ซึ่งมันมีคุณค่ามากกว่าที่เราคิดเอาไว้ เพราะมันทำให้เรารู้สึกมีค่ามากขึ้นและมีความสำคัญมากขึ้นด้วย เหมือนกับที่โจนส์ได้รับกำลังใจกับเคราซ์

            2) คุณค่าในตัวเองสามารถสร้างได้ ทุกวันนี้คุณค่าในตัวเองของเราลดลงด้วยความรู้สึกเชิงลบที่มีต่อตัวเอง จากการสังเกตคนอื่นรอบตัวหรือในเครือข่ายสังคมชนิดต่าง ๆ และยิ่งเราอยู่ในสังคมที่เหลื่อมล้ำกันมากเท่าไหร่ ก็มีแนวโน้มที่เราจะเปรียบเทียบกันมากขึ้นเท่านั้นด้วย อย่างไรก็ตามคุณค่าในตัวเองสามารถสร้างขึ้นมาได้ผ่านการความรู้สึกเชิงบวกที่มีต่อตนเอง 

            เราสามารถสร้างความรู้สึกเชิงบวกที่มีต่อตนเองได้ด้วยการปรับทัศนคติหรือปรับกรอบความคิดของเราเอง ซึ่งเป็นสิ่งที่ยากอย่างมาก วิธีที่ง่ายกว่านั้นก็คือการปรับพฤติกรรมของเราเองผ่านการเอาชนะเป้าหมายเล็ก ๆ น้อย ๆ เพื่อทำให้เรารู้สึกว่าตัวเองทำบางสิ่งบางอย่างสำเร็จ ซึ่งเป็นกลยุทธิ์ที่เคราซ์ทำ เขามองเห็นศักยภาพในตัวของลูกศิษย์ แม้ว่าโจนส์จะเป็นคนขี้อายและติดอ่างก็ตาม

            แต่เหนือสิ่งอื่นใดเคราซ์ไม่ยอมแพ้ และพยายามกระตุ้นให้โจนส์แสดงออกมากขึ้นเพื่อสะสมชัยชนะเล็ก ๆ น้อย ๆ อย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งวันหนึ่งชีวิตของโจนส์ก็ได้เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง จากเด็กติดอ่างผิวดำขี้อาย เขาก้าวขึ้นมาเป็นนักแสดงและนักพากษ์เสียงระดับแนวหน้า ด้วยฝีมือการแสดงและน้ำเสียงอันเป็นเอกลักษณ์ 

            ทุกวันนี้มีเด็กจำนวนมากยึดติดกับปมด้อยของตัวเอง โดนเพื่อนล้อเลียน ไม่มีใครเห็นคุณค่าในตนเอง ไม่เคยได้รับคำชม ยิ่งไปกว่านั้นเด็กหลายคนในปัจจุบันเปรียบเทียบตนเองกับคนอื่นมากขึ้น อันเนื่องมาจากทุกวันนี้เรามีสื่อสังคมจำนวนมากที่ทำให้เราพบเห็นชีวิตผู้คนมากมาย ส่งผลให้เรารู้สึกด้อยค่าตัวเอง ดังนั้นการให้กำลังใจกับตัวเอง และให้กำลังใจกับผู้อื่น เป็นวิธีที่ง่ายที่สุดในการปรับกรอบแนวคิดของกันและกัน เพื่อให้เรามีแรงบันดาลใจที่จะก้าวต่อไปข้างหน้า

และเอาชนะปมด้อยได้สำเร็จอย่างที่โจนส์ทำสำเร็จมาแล้ว

อ้างอิง

Robinson, K. & Aronica. L. (2009). The Element: How Finding Your Passion Changes Everything. NY: Penguin Books.

ความคิดเห็น