เมื่อเราเติบโตขึ้นเราจะพบชุดของจังหวะและกิจกรรมที่เหมาะสมกับตัวเอง สำหรับบางคน มันคือการเดินเล่น สำหรับคนอื่น ๆ อาจเป็นการเย็บปักถัดร้อย หรือขี่จักรยาน
ผมได้ยินชื่อ โอปราห์ วินฟรีย์ (Oprah Winfrey) มาตั้งแต่ผมยังเป็นเด็ก เธอเป็นพิธีกรชื่อดังประเภททอล์คโชว์ รายการ The Oprah Winfrey Show ทอล์คโชว์ที่มีเรตติงการรับชมสูงที่สุดในประวัติศาสตร์รายการโทรทัศน์ และเป็นหนึ่งในบุคคลที่ทรงอิทธิพลมากที่สุดในโลก เธอยังเป็นทั้งแรงบัลดาลใจ และบุคคลที่มีจิตใจเมตตาอย่างสูงเสมอมา
แม้เธอจะเป็นพิธีกรที่ทรงอิทธิพลมากที่สุดในโลกคนหนึ่ง แต่ใครจะรู้ว่าเธอเคยมีช่วงเวลาที่สร้างบาดแผลทางจิตใจก็เธอ และกัดกร่อนจิตวิญญาณของเธอไปตลอดกาล โอปราห์เกิดที่เมืองคอสซิอัสโก รัฐมิสซิสซิปปีอย่างยากจน พ่อแม่ของเธอแยกทางกันตั้งแต่เธอยังเป็นเด็ก เธอจึงเติบโตมาด้วยการเลี้ยงดูของคุณยาย จนกระทั่งอายุได้ 6 ปี โอปราห์ถูกส่งให้ไปอยู่กับแม่ที่มิลวอกี รัฐวิสคอนซิน
ช่วงเวลาที่อยู่กับแม่เป็นช่วงเวลาที่แสนเจ็บปวดของเธอ และสร้างบาดแผลอย่างรุนแรงให้กับเธอ โอปราห์ ได้เปิดเผยว่าถูกญาติผู้ชายล่วงละเมิดทางเพศอยู่บ่อยครั้ง อีกทั้งยังเคยถูกญาติข่มขืนตอนอายุ 9 ขวบ ไม่เพียงแค่นั้น เธอพบว่าตัวเองตั้งครรภ์ลูกชายตอนอายุ 14 ปี ซึ่งลูกของเธอคลอดก่อนกำหนดและและเสียชีวิตลงหลังจากนั้นไม่นาน
หลังจากนั้นเธอได้ย้ายไปอยู่กับพ่อที่แนชวิลล์ ซึ่งเป็นช่วงชีวิตขาขึ้นของเธอ เธอพยายามมองข้ามความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นและก้าวเดินต่อไป โอปราห์เข้าเรียนระดับมัธยมที่อีสต์แนชวิลล์และได้เป็นนักเรียนดีเด่น เธอชนะการแข่งขันสุนทรพจน์ ซึ่งทำให้เธอได้รับทุนการศึกษาเข้าเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยเทนเนสซี สาขาวาทวิทยาและสื่อสารการแสดง และได้เริ่มทำงานอ่านข่าวที่สถานีวิทยุแนชวิลล์
จากนั้นเธอก็ทำงานหนักและไต่เต้าจนกระทั่งเธอประสบความสำเร็จ จากผู้ประกาศข่าวหญิงชาวแอฟริกัน-อเมริกันคนแรก มาเป็นพิธีกรให้กับรายการทอล์กโชว์ชื่อ People Are Talking และจากนั้นไม่นานตำนานบทสำคัญก็ได้เริ่มต้นขึ้น เพราะเธอได้เป็นพิธีกรรายการภาคเช้าของตัวเองชื่อ A.M. Chicago ที่ประสบความสำเร็จอย่างสูง จนสุดท้ายรายการดังกล่าวก็ได้เปลี่ยนชื่อเป็น The Oprah Winfrey Show
โอปราห์ วินฟรีย์ (Oprah Winfrey) หนึ่งในบุคคลที่ทรงอิทธิพลมากที่สุดในโลก |
ผู้อ่านจะเห็นว่าเธอเป็นบุคคลที่เป็นแรงบัลดาลใจได้อย่างไร เธอมุ่งมั่น มีวินัย ใฝ่รู้ รักการอ่าน และพัฒนาตัวเองอย่างสม่ำเสมอ รวมไปถึงการค้นพบจังหวะบางอย่างของชีวิต ซึ่งเป็นแกนหลังสำคัญของบทความนี้ ในหนังสือ What Happened to You? เขียนโดย นายแพทย์บรูซ เพอร์รี่ (Bruce Perry, M.D., Ph.D) และโอปราห์ วินฟรีย์ (Oprah Winfrey) ได้เล่าถึงการค้นพบจังหวะชีวิตของโอปราห์ และการที่เริ่มหันมาเผชิญหน้ากับความเจ็บปวดในอดีตที่ตามหลอกหลอนเธอตลอดการเติบโต
เธอเล่าว่า "ตอนอายุสี่สิบกว่า ๆ ฉันเริ่มประสบปัญหาใหญ่ในการควบคุมความเครียดของตัวเอง ฉันทำงานเป็นผู้สื่อข่าวและทำงานสัปดาห์ละร้อยชั่วโมง ฉันอยากจะเป็นส่วนสำคัญของทีม แต่กลับรู้สึกว่าเข้ากับใครไม่ได้มากขึ้นเรื่อย ๆ" เธออธิบายว่าบาดแผลในอดีต การย้ายที่อยู่ไม่เป็นหลักแหล่ง การโดนทารุณกรรมทางเพศ และการถูกเฆี่ยนตีเป็นประจำ ทำให้เธอกลายเป็นยอดฝีมือในการคอยเอาใจคนอื่น
เธอเล่าต่อว่า "แม้จะต้องบั่นทอนพลังชีวิตของตัวเองไปจนเกลี้ยง ในตอนนั้น เมื่อฉันรู้สึกถึงสัญญาณความเครียดที่ร่างกายของฉันส่งมา ฉันกลับเพิกเฉยมัน และเลือกที่จะบรรเทาตัวเองด้วยยาที่เข้าถึงง่ายที่สุด นั่นก็คืออาหาร ยิ่งชีวิตของฉันเสียจังหวะ ฉันก็ยิ่งหาทางบรรเทาเพื่อกลบเสียงสัญญาณนั้น"
"ฉันเริ่มมีความเข้าใจมากพอว่าฉันกำลังทรยศตัวเอง ฉันรู้ว่าฉันมีพลังอยู่เพียงจำนวนหนึ่ง ซึ่งต้องสงวงรักษามันเอาไว้และต้องฟื้นฟูกลับมา แต่ก็ต้องใช้เวลานานหลายสิบปีกว่าที่ฉันจะเข้าวิธีใช้ชีวิตในจังหวะของตัวเอง" เธอตระหนักว่าตัวเองกำลังท่วมท้นไปด้วยปัญหา เธอจึงถอยออกมาและเรียนรู้ที่จะพูดปฏิเสธ โดยเฉพาะช่วงเวลาที่เธอต้องอยู่ใกล้ใครที่ทำให้เธอสูญเสียพลัง
เธออธิบายว่า "มันเป็นกำแพงที่มองไม่เห็นซึ่งจะคอยปัดเป่าพลังลบของคนคนนั้นออกไป ฉันยังสร้างพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ส่วนตัวขึ้นมา โดยเก็บวันอาทิคย์ไว้เป็นช่วงเวลาแห่งการฟื้นฟู ยอมให้อยู่กับตัวเอง ยอมให้ตัวเองได้เป็นอย่างที่เป็น"
โอปราห์ วินฟรีย์เล่าว่าเธอหวงแห่นจังหวะเวลาของเธอมาก เป็นช่วงเวลาที่เธอได้พัก โดยเธอมักจะใช้เวลาช่วงวันหยุดท่ามกลางธรรมชาติ จดจ่อกับลมหายใจ หัวใจที่เต้นอย่างสม่ำเสมอ ความสงบนิ่งของต้นไม้ใหญ่ และใบไม้ที่สลับซับซ้อนที่ช่วยให้เธอได้อยู่ท่ามกลางความบริบูรณ์ของสรรพสิ่ง รวมไปถึง ดนตรี เสียงหัวเราะ การเต้นรำแม้จะอยู่คนเดียวก็ตาม
ไม่เพียงแค่นั้นแต่เธอยังทำกิจกรรมหลายอย่างไม่ว่าจะเป็นการเย็บปักถักร้อย การทำอหาร การค้นหาสิ่งซึ่งจะเยียวยาเธอได้ตามธรรมชาติ เธออธิบายว่า "มันไม่เพียงแค่จะช่วยควบคุมดูแลหัวใจและจิตใจของคุณเท่านั้น แต่มันยังช่วยให้คุณเปิดรับความดีงามในตัวคุณและในโลกใบนี้" ทั้งหมดนี้เป็นการค้นพบจังหวะชีวิตของเธอที่ช่วยให้เธอรู้สึกดีและได้เรียนรู้บางสิ่งบางอย่าง
นายแพทย์เพอร์รีซึ่งเป็นหนึ่งในผู้เขียนหนังสือ What Happened to You? ได้อธิบายว่า "จังหวะเป็นสิ่งสำคัญต่อร่างกายที่แข็งแรงและจิตใจที่เบิกบาน ทุกคนบนโลกก็น่าจะพอนึกออกถึงอะไรบางอย่างเกี่ยวกับจังหวะ ที่ช่วยทำให้พวกเขารู้สึกดี อย่างการเดินเล่น การว่ายน้ำ ดนตรี การเต้นรำ และเสียงคลื่นกระทบกับชายหาด"
"เมื่อเราเติบโตขึ้นเราจะพบชุดของจังหวะและกิจกรรมที่เหมาะสมกับตัวเอง สำหรับบางคน มันคือการเดินเล่น สำหรับคนอื่น ๆ อาจเป็นการเย็บปักถัดร้อย หรือขี่จักรยาน ทุกคนล้วนมีหนทางแบบที่ตัวเองชอบ เวลาที่รู้สึกว่าอะไร ๆ ชักจะไม่เข้าที่เข้าทาง เริ่มวิตกกังวล หรือไม่ได้ดั่งใจ องค์ประกอบร่วมกันในกิจกรรมเหล่านี้ก็คือจังหวะ"
จังหวะที่โอปราห์ วินฟรีย์ค้นพบขณะที่ตนเองทำงานหนักเพื่อให้ตัวเองประสบความสำเร็จ และจังหวะที่นายแพทย์เพอร์รีได้อธิบาย เป็นรูปแบบของช่วงเวลาบางอย่างที่เราได้ใช้กับตัวเอง ซึ่งแต่ละคนจะแตกต่างกันออกไป มันเป็นช่วงเวลาที่เราได้หายใจเพื่อตัวเราเอง เป็นช่วงเวลาที่เราไม่ได้หายใจไปเพราะงาน เพราะการเรียน หรือเพราะคนอื่น ๆ รอบตัวเราเท่านั้น
หรืออธิบายง่าย ๆ ก็คือมันเป็นจังหวะเวลาที่เราสามารถควบคุมตัวเอง (Self-regulation) ได้อย่างแท้จริง ซึ่งนายแพทย์เพอร์รีอธิบายว่า การควบคุมเกี่ยวข้องกับการอยู่ในภาวะสมดุล เรามีระบบต่าง ๆ ที่คอยสังเกตติดตามร่างกายของเราและโลกภายนอกตลอดเวลา เพื่อให้แน่ใจว่าเราปลอดภัยและอยู่ในสมดุล เช่น มีอาหาร มีน้ำ และออกซิเจนเพียงพอ เมื่อเราอยู่ในการควบคุม ก็แปลว่า ระบบต่าง ๆ เหล่านี้มีสิ่งที่พวกมันต้องการ
อย่างที่ผมอธิบายประวัติของโอปราห์ วินฟรีย์เอาไว้เบื้องต้น เธอเผชิญกับ การย้ายที่อยู่ไม่เป็นหลักแหล่ง การทารุณกรรมทางเพศ และการถูกเฆี่ยนตีเป็นประจำ ทำให้เธอต้องคอยเอาใจคนอื่น เพื่อที่ทุกอย่างจะได้กลับมาสมดุลอีกครั้ง กล่าวคือ เธอวางชีวิตเอาไว้บนมือคนอื่นมากจนเกินไป ซึ่งมันก็ทำให้เธอเจ็บปวด ตัวตนของเธอก็ยิ่งเรียกร้องโดยการสร้างความเครียด ซึ่งเป็นการที่ร่างกายและจิตใจของเธอกำลังขอร้องให้เธอกลับมาควบคุมตัวเองให้ได้เสียที
จนถึงจุด ๆ หนึ่งเธอก็เรียนรู้ที่จะเป็นนายของตัวเอง เธอเรียนรู้ที่จะพูดปฏิเสธ และเริ่มให้เวลากับตัวเองมากขึ้น ฟังเสียงตัวเองมากขึ้น ว่าอะไรกันแน่ที่เธอต้องการ และนั่นก็เป็นจุดที่ทำให้เธอเริ่มก้าวข้ามโศกนาฏกรรมในความทรงจำ เธอกลับมาควบคุมตัวเองได้ จนคลายความทุกข์ที่เธอรู้สึกทั้งหมด วางความคาดหวัง วางความคิดเชิงลบทั้งหมดให้ลดน้อยลง
นั่นคือจุดเปลี่ยนสำคัญที่สร้างโอปราห์ วินฟรีย์ให้กลายเป็นหนึ่งในบุคคลที่ทรงอิทธิพลมากที่สุดในโลก
อ้างอิง
Perry, B., & Winfrey, O. (2021). What Happened to You?: Conversations on Trauma, Resilience, and Healing. NY: Flatiron Books: An Oprah Book.
THE STANDARD CULTURE. (2561). โอปราห์ วินฟรีย์ ผู้หญิงที่ทรงอิทธิพลและโลกต้องจดจำ. https://thestandard.co/oprah-winfrey-powerful-woman-in-the-world/
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น