OM (อัตตา) “ฉันกำลังปกป้องภาพลักษณ์ หรือกำลังหาความจริง” เมื่อเสียงปกป้องตัวตนเบาลง เราจะกล้าถามข้อมูล เพิ่มพื้นที่ให้ความจริงทั้งสองฝ่ายยืนอยู่ร่วมกันได้
ลองนึกถามตามนี้นะครัลบ เช้าวันจันทร์ ห้องประชุมชั้น 12 อากาศหนืดเหมือนเวลาหยุดเดิน ถึงเวลาเดดไลน์ งบประมาณตึง เสียงแจ้งเตือนในแชตเด้งทุกนาที ขณะที่ไอเดียของสองทีมปะทะเดือดกันกลางโต๊ะ คำพูดเริ่มคม อารมณ์เริ่มแข็ง คุณเงียบไปครู่หนึ่ง ปากของคุณกำลังจะพูดบางสิ่งที่อาจจะถูกต้อง แต่อาจจะกลายเป็นประเด็นลุกลามใหญ่โตที่จะทำให้ทุกอย่างในห้องประชุมยิ่งแย่เข้าไปใหญ่
จากภาพนี้ทุกท่านจะเห็นว่า ต่อให้คำตอบที่ถูกต้อง หรือเป็นคำตอบเก่ง ๆ ก็คงจะไม่ช่วยอะไร ซึ่งผมอยากจะนำเสนอการปรับจังหวะให้ช้าลง เพื่อให้มองเห็นชัดขึ้น เพื่อให้เลือกคำตอบที่ "ถูก....แต่ถูกเวลา" นี่เองคือที่มาของ “วงจรดูแลใจ 6 จังหวะ” แรงบันดาลใจจากมนตร์หกพยางค์ OM MANI PADME HUM
มนตร์บทนี้เชื่อมโยงโดยตรงกับ พระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ (Avalokiteshvara) ซึ่งเป็นพระโพธิสัตว์แห่งความกรุณาอันไร้ที่สิ้นสุด ความหมายโดยตรงที่แปลแบบตรงตัวที่สุดคือ "โอม มณีในดอกบัว หุม" (Om, The Jewel in the Lotus, Hum)
มณี (Jewel หรือ MANI) หมายถึง "โพธิจิต" หรือเจตจำนงที่จะตื่นรู้ (Enlightenment) และความกรุณา (Compassion)
ดอกบัว (Lotus หรือ PADME) หมายถึง "ปัญญา" (Wisdom) ที่เข้าใจความจริง ดอกบัวที่เกิดจากโคลนตมแต่ไม่เปื้อนตม เปรียบเหมือนปัญญาที่เกิดในโลกที่วุ่นวาย (สังสารวัฏ) แต่ไม่แปดเปื้อน
การรวมกัน "มณีในดอกบัว" จึงหมายถึง การบรรจบกันอันเป็นหนึ่งเดียวของ "ความกรุณา" (มณี) และ "ปัญญา" (ดอกบัว) ซึ่งเป็นหนทางสู่การตื่นรู้
ดังนั้นปรัชญานี้จึงเชื่อว่า "มนตร์ 6 พยางค์" คือ ยาแก้พิษ (Antidote) หรือเครื่องมือช่วยให้เราก้าวข้าม "กิเลส" หรือ "กับดักทางใจ" 6 ประการ ที่ผูกมัดเราไว้ในภพภูมิทั้ง 6 โดยเราสามารถประยุกต์มาใช้เป็นทักษะกำกับใจ ใช้ได้จริงในองค์กร
มณีในดอกบัว หมายถึง การบรรจบกันอันเป็นหนึ่งเดียวของ ความกรุณาและปัญญา ซึ่งเป็นหนทางสู่การตื่นรู้
โดยผมจะแปลง “มนตร์หกพยางค์” ให้กลายเป็น "ทักษะกำกับใจ 6 จังหวะ" ที่ใช้ได้จริงในองค์กรหรือออฟฟิศ ไม่ต้องพิธีรีตอง ขอแค่ยอมให้ตัวเองหยุดสั้น ๆ เพื่อเห็นชัดและเลือกใหม่ เพื่อให้ใช้งานได้ทันที จับหลัก 3 ข้อนี้ไว้
1) แต่ละพยางค์ = กับดักทางใจ ที่เราพบในงาน (อัตตา อิจฉา หลง ไม่รู้ ยึด และโทสะ)
2) จับคู่ = คำถามกำกับสั้น ๆ เพื่อดึงสติและเปิดพื้นที่ให้เหตุผล เช่น “ฉันกำลังปกป้องภาพลักษณ์หรือหาความจริง”
3) ลงมือ = สิ่งเล็กที่ทำได้เดี๋ยวนี้ เช่น เว้นวรรคหายใจ ปิดแจ้งเตือน ขอข้อมูลเพิ่ม 1 ชิ้น แชร์ไฟล์ ฯลฯ)
เพียงเท่านี้ ห้องประชุมเดิม ๆ ก็จะปลอดภัยขึ้น การสนทนานุ่มลง แต่การตัดสินใจคมขึ้น เพราะเรา ช้าลงนิดเดียวเพื่อมองให้เห็นมากขึ้น มันอาจจะค่อนข้างยากที่จะเข้าใจเล็กน้อย แต่ผมจะพยายามประยุกต์นะครับ
มนตร์หกพยางค์ OM–MA–NI–PAD–ME–HUM
OM (อัตตา) “ฉันกำลังปกป้องภาพลักษณ์ หรือกำลังหาความจริง” อีโก้ทำให้เราตอบโต้เร็วเกินคิด อยาก “ชนะ” มากกว่า “เข้าใจ” ก่อนพิมพ์หรือยกมือโต้ ลองหยุดหายใจเข้า–ออกลึก ๆ หนึ่งรอบ แล้วทวนคำถามนี้ในใจ เมื่อเสียงปกป้องตัวตนเบาลง เราจะกล้าถามข้อมูล เพิ่มพื้นที่ให้ความจริงทั้งสองฝ่ายยืนอยู่ร่วมกันได้
MA (อิจฉา) “สิ่งที่ฉันชื่นชมในเขา บอกใบ้อะไรที่ฉันอยากเติบโต” ในที่ทำงาน ความอิจฉาแปลงร่างเป็นการแทงกั๊กหรือลดค่าคนอื่นได้ง่าย เปลี่ยนพลังนี้เป็นมุทิตาและการเรียนรู้: ยอมรับตรง ๆ ว่าเราชอบความสามารถด้านไหนของเขา จากนั้นส่งข้อความ “ชอบวิธีคุณพรีเซนต์มาก ขอเวลาคุณ 15 นาที สอนกรอบสไลด์ 3 หน้าแรกได้ไหม”
NI (หลง) “ชั่วโมงนี้ สิ่งสำคัญที่สุดคืออะไร” เรามักแพ้ให้กับงานยิบย่อย แจ้งเตือน และความกังวลจนพลังไหลออกนอกเรื่อง โยงใจกลับด้วยการเลือก “หนึ่งสิ่งสำคัญ” แล้วตั้งโฟกัสสั้น ๆ 25 นาที ปิดการแจ้งเตือน ตั้งตัวจับเวลา แล้วเริ่มทันที
PAD (ไม่รู้) “ฉันยังขาดข้อมูลอะไรอีก 1 ชิ้นก่อนตัดสินใจ” หลายความขัดแย้งรุนแรงเพราะเราตัดสินเร็วเกินข้อมูลพอ คำถามนี้จะลดความหลงเชื่อและอคติทันที ตัวอย่าง พิมพ์ถามว่า “ใครมีตัวเลข CTR 3 เดือนล่าสุด” หรือ “มีลูกค้ากลุ่มตัวอย่าง 5 รายที่สะท้อนประเด็นนี้ไหม” ก่อนสรุปทิศทาง
ME (ยึดครอบครอง) “ฉันกำกับงาน หรือกำงานไว้” ความยึดติดทำให้เรากลายเป็นคอขวดโดยไม่รู้ตัว ปลดล็อกด้วยการแชร์สิทธิ์หรือไฟล์ กำหนดเป้าหมายให้ชัด และกระจายส่วนที่ทีมทำได้ เปิดเอกสารจาก “Only me” เป็น “Team can edit” และมีตัวเลขหรือข้อมูลสนับสนุน
HUM (โทสะ) “ฉันอยาก ‘ถูก’ หรืออยาก ‘เข้าใจ” อารมณ์ร้อนทำลายความไว้วางใจเร็วยิ่งกว่าข้อผิดพลาด ให้เว้นวรรค 10 วินาที แทนที่จะสวนทันควัน ให้เริ่มด้วย “ช่วยอธิบายเหตุผลหน่อย อยากเข้าใจตรรกะ จะได้ช่วยต่อยอดถูก”
ดังนั้น ก่อนประชุม หรืออยู่ในสถานการณ์ที่จะต้องใช้การตัดสินใจอย่างแคบคาย หรือมีความเสี่ยงที่จะเกิดอารมณ์เชิงลบ ลองฝึกสั้น ๆ หายใจเข้า–ออกช้า ๆ ทีละพยางค์ OM–MA–NI–PAD–ME–HUM พร้อมทวนคำถามกำกับในใจแต่ละจังหวะ เหมือนกดปุ่มรีเฟรชระบบประสาทอัตโนมัติ ให้สมองส่วนคิดเชิงเหตุผลกลับมานำหน้าอารมณ์ รับรอง ความขัดแย้งลดลง การตัดสินใจดีขึ้น และทีมจะปลอดภัยทางใจขึ้น
“มนตร์หกพยางค์” ในชีวิตการทำงานไม่ได้เกี่ยวกับความศักดิ์สิทธิ์เหนือธรรมชาติ แต่มันศักดิ์สิทธิ์เพราะพาใจเรากลับมาอยู่กับความจริงตรงหน้า เห็นอัตตา อิจฉา ความหลง ความไม่รู้ การยึด และโทสะ แล้วเลือกตอบอย่างมีสติ ทุกครั้งที่เราหยุดถามหนึ่งคำถาม เรากำลังสลักพื้นที่เล็ก ๆ ของอิสรภาพในวันทำงานที่วุ่นวาย
แล้วผู้อ่านล่ะครับมักติด “กับดักทางใจ” ข้อไหนบ่อยสุด
อ้างอิง
García, H., & Miralles, F. (2024). The four-way path: A guide to Purushartha and India's spiritual traditions for a life of happiness, success, and purpose. TarcherPerigee.
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น