การศึกษาเกิดขึ้นได้ทุกที่แม้แต่ในคุก: บทเรียนระหว่างถูกจองจำของ เนลสัน แมนเดลา (Nelson Mandela)

“I never lose. I either win or learn.” 
(ผมไม่เคยแพ้ ผมมีแต่ชนะ หรือไม่ก็เรียนรู้)  
เนลสัน แมนเดลา (Nelson Mandela) 

            หลายคนอาจมองว่า “คุก” คือสถานที่แห่งการลงโทษ การสูญเสียอิสรภาพ และความสิ้นหวัง แต่สำหรับ เนลสัน แมนเดลา (Nelson Mandela) นักปฏิวัติ นักการเมือง และนักมนุษยธรรมชาวแอฟริกาใต้ เขาเป็น ประธานาธิบดีคนแรกที่มาจากการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตยของแอฟริกาใต้ เขามองว่าคุกคือ “ห้องเรียนของชีวิต” สถานที่ที่สอนเขาให้เข้าใจมนุษย์ เข้าใจศัตรู และเข้าใจตนเอง

            ตลอด 27 ปีแห่งการถูกจองจำ บนเกาะร็อบเบิน (Robben Island) ประเทศแอฟริกาใต้ แมนเดลาต้องเผชิญกับความโดดเดี่ยว การใช้แรงงานหนัก และการถูกจำกัดสิทธิขั้นพื้นฐาน แต่แทนที่จะปล่อยให้ความสิ้นหวังกลืนกิน เขากลับเลือกเรียนรู้จากทุกสิ่งรอบตัว  จากหนังสือในห้องสมุดเล็ก ๆ จากบทสนทนากับผู้คุม จากเพื่อนนักโทษ และจากความเงียบงันของผนังห้องขัง

คุกคือมหาวิทยาลัยแห่งชีวิต

            เพื่อนนักโทษของแมนเดลาเคยเรียกเกาะร็อบเบินว่า “The University of Robben Island”   มหาวิทยาลัยกลางคุก  เพราะแม้จะถูกตัดขาดจากโลกภายนอก พวกเขายังอ่านหนังสือ แลกเปลี่ยน ถกเถียง และสอนกันเองอย่างไม่รู้จบ  แมนเดลาอ่านทุกอย่างที่หาได้  ตั้งแต่งานของ วิลเลียม เชกสเปียร์  ไปจนถึงตำราการเมือง ปรัชญา และกฎหมาย

            เขาเคยกล่าวไว้ว่า “Education is the most powerful weapon which you can use to change the world.” แปลว่า  “การศึกษาคืออาวุธอันทรงพลังที่สุดที่เราสามารถใช้เปลี่ยนโลกได้”  และเขาได้พิสูจน์คำนี้ด้วยชีวิต เพราะเขาเริ่มเปลี่ยนโลกจากในห้องขังนั้นเอง 

จากการต่อสู้สู่การเข้าใจ

            ช่วงปีแรก ๆ ของการถูกคุมขัง แมนเดลาเต็มไปด้วยโทสะและความไม่ยอมจำนน แต่เมื่อเวลาผ่านไป ความเงียบในเรือนจำกลับทำหน้าที่เหมือน “ครูของจิตใจ” เขาเริ่มเรียนรู้ที่จะฟังมากกว่าพูด มองลึกลงไปในจิตใจของผู้คุมและเพื่อนนักโทษ และค่อย ๆ เข้าใจว่า การเปลี่ยนแปลงประเทศ ต้องเริ่มจาก “การเปลี่ยนแปลงภายในใจของมนุษย์ก่อน”

แทนที่จะปล่อยให้ความสิ้นหวังกลืนกิน เขากลับเลือกเรียนรู้จากทุกสิ่งรอบตัว

            นี่คือช่วงที่เขาเริ่มพัฒนาความคิดเชิงปรองดอง (Reconciliation) และเห็นว่า “การให้อภัย” ไม่ได้หมายถึงการลืมความอยุติธรรม แต่คือการปลดปล่อยตนเองจากความเกลียดชัง

            ความคิดเชิงปรองดอง เกิดจากประสบการณ์ตรงที่เคยต้องเผชิญหน้ากับความอยุติธรรมและการล้างแค้น ทำให้เขาตระหนักว่าการยึดติดกับความเกลียดชังและพยาบาทนั้นไม่ได้นำไปสู่การเยียวยาหรือการเปลี่ยนแปลงที่เป็นรูปธรรม แต่กลับทำให้ตนเองจมปลักอยู่กับความทุกข์และความขมขื่น

            ในเชิงจิตวิทยา นี่คือสิ่งที่เรียกว่า การเติบโตหลังผ่านประสบการณ์อันเจ็บปวด (Post-Traumatic Growth) คือ การเปลี่ยนแปลงทางจิตวิทยาเชิงบวก ที่เกิดขึ้นหลังจากบุคคลต้องเผชิญกับวิกฤตหรือเหตุการณ์สะเทือนขวัญ การเติบโตนี้ไม่ได้ทำให้ความเจ็บปวดหายไป

            แต่เป็นกระบวนการที่ทำให้บุคคล ค้นพบความหมายใหม่ ในชีวิตจากการต่อสู้กับความยากลำบากนั้น ซึ่งนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงในเชิงบวก เช่น การเห็นคุณค่าของชีวิตมากขึ้น การมีความสัมพันธ์ที่ดีขึ้นกับผู้อื่น ความเข้มแข็งทางจิตใจที่เพิ่มขึ้น

แมนเดลาไม่ได้แค่รอดจากความทุกข์ แต่ “เปลี่ยนมันให้เป็นพลังแห่งปัญญาและความเข้าใจ”

            การศึกษาไม่จำกัดสถานที่ แต่ขึ้นอยู่กับใจที่พร้อมเรียนรู้  สิ่งที่แมนเดลาสอนเราไม่ใช่เพียงเรื่องการเมืองหรือสิทธิมนุษยชน  แต่คือบทเรียนพื้นฐานของการเรียนรู้จากชีวิต  เราอาจไม่มีห้องเรียนที่สมบูรณ์ ไม่มีครู ไม่มีหนังสือ แต่ถ้าใจเรายังเปิด เรายังสามารถเรียนรู้ได้จากทุกสิ่ง  จากความเงียบ ความพ่ายแพ้ หรือแม้แต่ความเจ็บปวด

            แมนเดลาเคยกล่าวว่า “I never lose. I either win or learn.” แปลว่า “ผมไม่เคยแพ้ ผมมีแต่ชนะ หรือไม่ก็เรียนรู้”  นี่คือหัวใจของการศึกษาในความหมายที่แท้จริง  เพราะการศึกษาไม่ใช่แค่การเรียนหนังสือ แต่คือการ “ตื่นรู้” ต่อชีวิต

            บทเรียนสุดท้ายจากเรือนจำ 27 ปีในคุกอาจพรากอิสรภาพทางกายของแมนเดลา แต่กลับมอบ “อิสรภาพทางใจ” ที่ยิ่งใหญ่กว่านั้นให้เขา การศึกษาไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะในห้องเรียน  แต่มันเกิดขึ้นในทุกที่ที่เรายอมให้ชีวิตเป็นครูของเรา และบางครั้ง “คุก” ก็อาจเป็นครูที่ซื่อสัตย์ที่สุด เพราะมันบังคับให้เรามองเข้าไปข้างใน   

จนพบว่าความสงบและปัญญาไม่เคยอยู่ที่ไหนเลยนอกจากในใจของเราเอง

อ้างอิง

Mandela, N. (1994). Long walk to freedom: The autobiography of Nelson Mandela. Boston, Little, Brown and Company.

Mandela, N. (2011). Nelson Mandela by himself: The authorized book of quotations. London, Pan Macmillan.

ความคิดเห็น