จงใช้เวลาในการครุ่นคิดในสิ่งที่คุณต้องการ
จะพูดออกมาและปล่อยให้คำพูดนั้นล่องลอยไป
เหมือนเกลียวคลื่น
ตลอดประวัติศาสตร์ของมนุษย์มันสะท้อนวิธีคิดว่า "เราเป็นสิ่งมีชีวิตที่คิดว่าตัวเองยิ่งใหญ่" แต่จริง ๆ แล้วเราชั่งเล็กจ้อย เป็นเพียงแต่จุดเล็ก ๆ เท่านั้น ไม่ว่าอะไรก็สามารถเกิดขึ้นกับเราได้ทั้งนั้น วันหนึ่งเรามีความสุข อีกวันหนึ่งตื่นมากลับซึมเศร้า อีกวันหนึ่งเรายิ้มร่าเริง กินดื่มอย่างสนุกสนาน แต่วันต่อมากลับพบกับเรื่องเศร้าสะเทือนใจจากการสูญเสียที่ลืมไม่ลง ชีวิตมันชั่งไม่มีอะไรแน่นอนจริง ๆ เราจึงหวาดกลัวกับวันพรุ่งนี้อย่างมาก ความจน โรคระบาด ความเจ็บปวด ความเศร้ามันหลอนเราจนไม่กล้าที่จะเป็นตัวเองเสียด้วยซ้ำ
เพลง The Masterplan สะท้อนให้เห็นถึงความจริงนี้ เพลงนี้แต่งและขับร้องโดย โนล แกลลาเกอร์ (Noel Gallagher) และ เลียม แกลลาเกอร์ (Liam Gallagher) พี่น้อง วง Oasis สุดยอดวงร๊อคในตำนาน ที่ในปัจจุบันได้แยกวงไปแล้ว แต่ในอดีตวงนี้มีผลงานเพลงระดับโลกที่แม้แต่ในปัจจุบันก็ยังได้รับความนิยมอยู่ ซึ่งหลายเพลงมีความหมายที่แสนวิเศษโดยเฉพาะเพลงนี้ ที่ให้ความหมายถึง ความกลัวในอะไรบางอย่าง เพราะเราไม่รู้ว่าชีวิตในวันข้างหน้าจะเป็นอย่างไร แต่ "เต้นเถอะ ถ้าอยากเต้น" นั้นเป็นสิ่งที่เพลงนี้แนะนำให้กับเรา
เนื้อเพลงและคำแปล
Take the time to make some sense
Of what you want to say
And cast your words away upon the waves
Sail them home with acquiesce
On a ship of hope today
And as they land upon the shore
Tell them not to fear no more
Say it loud and sing it proud today
And then
จงใช้เวลาในการครุ่นคิดในสิ่งที่คุณต้องการจะพูดออกมา
และปล่อยให้คำพูดนั้นล่องลอยไปเหมือนเกลียวคลื่น
พาพวกเขากลับบ้านด้วยเรือด้วยความอ่อนโยน
บนเรือแห่งความหวังของวันนี้
และขณะที่พวกเขาไปถึงฝั่งแล้ว
บอกพวกเขาว่าไม่ต้องกลัวอีกต่อไป
ตะโกนออกไปดัง ๆ และร้องเป็นเพลงแห่งความภาคภูมิใจในวันนี้
Please brother take a chance
You know they're gonna go
Which way they wanna go
All we know is that we don't know
How it's gonna be
Please brother let it be
Life on the other hand
Won't make us understand
We're all part of a masterplan
เต้นเถอะ ถ้าคุณอยากจะเต้น
ได้โปรดพี่น้องใช้โอกาสนั้นเถอะ
คุณก็รู้สักวันพวกเขาจะจากไป
ตามเส้นทางที่พวกเขาต้องไป
ทั้งหมดที่เรารู้ คือเราไม่รู้อะไรเลย
เราไม่รู้ว่าเส้นทางต่อไปมันจะเป็นอย่างไร
ได้โปรดพี่น้องปล่อยวางมันเถอะ
ชีวิตของเราไม่อาจกำหนดอะไรได้
ทำให้เราไม่เข้าใจ
I'm not saying right is wrong
It's up to us to make
The best of all the things that come our way
Cause everything that's been has passed
The answer's in the looking glass
There's four and twenty million doors
On life's endless corridor
Say it loud and sing it proud
And they
ตะโกนออกไปดัง ๆ และร้องเป็นเพลงแห่งความภาคภูมิใจในวันนี้
ฉันไม่ได้บอกว่าสิ่งที่ถูกต้องเป็นสิ่งที่ผิด
มันขึ้นอยู่กับว่าเราจะมองมันอย่างไร
ทุกสิ่งที่ดีจะเข้ามาในเส้นทางของเรา
เพราะทุกสิ่งทุกอย่างล้วนต้องดับสูญ
คำตอบนั้นอยู่ตรงหน้ากระจกเงา
มันมีประตูยี่สิบล้านกับอีกสี่บาน
บนเส้นทางที่ไม่มีสิ้นสุดของชีวิต
ตะโกนออกไปดัง ๆ และร้องเป็นเพลงแห่งความภาคภูมิใจในวันนี้
Please brother take a chance
You know they're gonna go
Which way they wanna go
All we know is that we don't know
How it's gonna be
Please brother let it be
Life on the other hand
Won't make us understand
We're all part of a masterplan
เต้นเถอะ ถ้าคุณอยากจะเต้น
ได้โปรดพี่น้องใช้โอกาสนั้นเถอะ
คุณก็รู้สักวันพวกเขาจะจากไป
ตามเส้นทางที่พวกเขาต้องไป
ทั้งหมดที่เรารู้ คือเราไม่รู้อะไรเลย
เราไม่รู้ว่าเส้นทางต่อไปมันจะเป็นอย่างไร
ได้โปรดพี่น้องปล่อยวางมันเถอะ
ชีวิตของเราไม่อาจกำหนดอะไรได้
ทำให้เราไม่เข้าใจ
สำหรับผมเพลงนี้เป็นหนึ่งในเพลงที่มีความหมายดีมากที่สุด เพราะผมมองว่าเพลงที่มีความหมายดีมันจะต้องสะท้อนเรื่องราวของชีวิตออกมา และให้แง่คิดอะไรบางอย่างแก่เรา เพลงรักบางเพลงสะท้อนแง่คิดของความรักที่งดงามของคนสองคนออกมาได้ชัดเจน ประสบการณ์ชีวิตต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น นอกจากนั้นมันยังมีแง่คิดบางอย่างที่ทำให้เราได้เรียนรู้อะไรบางอย่างจากประสบการณ์นั้น เพลง The Masterplan ก็เช่นเดียวกัน เป็นเพลงที่สะท้อนความจริงของชีวิตที่เราไม่รู้เลยว่าโลกอันกว้างใหญ่ใบนี้อะไรมันจะเกิดอะไรขึ้นมาได้บ้าง ชีวิตมันไม่มีอะไรแน่นอน
เนื้อหาของเพลงนี้แสดงให้เห็นถึงความจริงของชีวิต แน่นอนว่าเพลงนี้ไม่ได้บอกความจริงที่ชัดเจนออกมาโดยตรง ว่ามีพระเจ้าอยู่เบื้องหลังหรือไม่ หรือมีความจริงอื่น ๆ อะไรที่ซ้อนอยู่ ดังนั้นจึงไม่ใช่เพลงเกี่ยวกับศาสนา "แต่มันมีความจริงบางอย่างที่เราไม่สามารถค้นพบมันได้อย่างชัดเจน" เราไม่มีทางจะรู้ว่าชีวิตนี้จะไปจบที่ใด จากไปแล้วจะไปเจออะไรบ้าง เหมือนกับเนื้อเพลง "All we know is that we don't know, how it's gonna be" ทั้งหมดที่เรารู้ คือเราไม่รู้อะไรเลย เราไม่รู้ว่าเส้นทางต่อไปมันจะเป็นอย่างไร
ในเมื่อเราไม่รู้เลยว่าอะไรมันจะเกิดขึ้น ทุก ๆ อย่างมันเป็นไปได้หมด ดังนั้นเราจะมัวแต่กังวลกับทุกเรื่องไปเสียหมดทำไม เหมือนกับเนื้อเพลง "Please brother let it be, life on the other hand, won't make us understand" ได้โปรดพี่น้องปล่อยวางมันเถอะ ชีวิตของเราไม่อาจกำหนดอะไรได้ ทำให้เราไม่เข้าใจ ซึ่งการที่เราไม่สามารถกำหนดอะไรเลยเพราะเราไม่สามารถเข้าใจความจริงได้อย่างถ่องแท้ มันจึงเป็นอะไรที่เสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์กับการมานั่งเครียด วิตกกังวลกับสิ่งที่มันยังไม่เกิดขึ้น เพราะ "We're all part of a masterplan" เราทุกคนล้วนเป็นส่วนหนึ่งของแผนแม่บท
แผนแม่บทเป็นแผนการใหญ่อันซับซ้อนที่เราไม่สามารถเข้าใจได้ ซึ่งมันสอดคล้องกับเนื้อเพลง "There's four and twenty million doors on life's endless corridor" มันมีประตูยี่สิบล้านกับอีกสี่บาน บนเส้นทางที่ไม่มีสิ้นสุดของชีวิต มันถึงมีคำพูดว่าชีวิตคือความเป็นไปได้มากมาย ทุกวันนี้เราเดินบนเส้นทางที่คาดเดาอะไรไม่ได้ จึงไม่แปลกที่ทักษะที่สำคัญในศตวรรษที่ 21 ก็คือ ความหยืดหยุ่นทางจิตใจ (Reresilience) และการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า เพราะเรากำลังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของโลกใบนี้ การมีทักษะดังกล่าวจะทำให้เราสามารถเผชิญปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ ถึงจะล้มก็สามารถลุกขึ้นใหม่ได้
เพลงนี้เราสามารถตีความได้หลากหลาย แต่นั้นไม่ใช่สิ่งสำคัญที่สุด แต่มันสำคัญที่ว่า "เราได้อะไรจากเพลงนี้" เพราะหัวใจสำคัญของเพลงนี้ก็คือ การยืดหยุ่นต่อความเป็นจริงอันกว้างใหญ่ไพศาลของโลกใบนี้ เราเป็นเพียงสิ่งมีชีวิตที่เล็กนิดเดียว เราจึงควรถ่อมตัวแต่ในขณะเดียวกันก็ควรใช้ชีวิตในแบบที่ต้องการ เหมือนกับเนื้อเพลง "Take the time to make some sense of what you want to say and cast your words away upon the waves" จงใช้เวลาในการครุ่นคิด ในสิ่งที่คุณต้องการจะพูดออกมา และปล่อยให้คำพูดนั้นล่องลอยไปเหมือนเกลียวคลื่น
เรากลัว กังวล กับชีวิตมากจนเกินไป จนไม่กล้าทำหรือพูดบางอย่างออกไป แต่เราไม่มีทางรู้เลยว่าอะไรมันจะเกิดขึ้นบ้างต่อให้เราเลือกที่จะไม่ทำมันก็ตาม แผนแม่บทมีความซับซ้อนเกินกว่าที่เราจะเข้าใจได้ ดังนั้นอย่าไปใส่ใจมาก ชีวิตของเราเกิดมาเพียงครั้งเดียว เราไม่มีทางรู้ได้เลยว่าพรุ่งนี้อะไรจะเกิดขึ้นบ้าง เราไม่มีทางรู้เลยว่าโลกใบนี้มันจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า สิ่งที่เราสามารถทำได้ก็คือ ทำวันนี้ให้ดีที่สุด "Say it loud and sing it proud today" ตะโกนออกไปดัง ๆ และร้องเป็นเพลงแห่งความภาคภูมิใจในวันนี้
ใช้ชีวิตให้มีความสุข ทำในสิ่งที่อยากทำ
พูดในสิ่งที่อยากพูด "Dance if you wanna dance"
เต้นเถอะ ถ้าคุณอยากจะเต้น
สามารถอ่านบทความอื่นเพิ่มเติมจากลิ้ง สารบัญ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น