นโปเลียน โบนาปาร์ต (Napoleon Bonaparte) ภาคออกรบ

"คำว่าเป็นไปไม่ได้ คือคำที่อยู่ในพจนานุกรมของคนโง่เท่านั้น" Napoleon Bonaparte


รูปภาพที่เกี่ยวข้องภาคต่อจากตอนที่แล้ว คือประวัติของนโปเลียนก่อนออกรบ เหตุผลที่ผมตั้งชื่อว่าก่อนออกรบเพราะว่า ในตอนแรกนโปเลียนสร้างอำนาจจากภายในประเทศ แต่ชื่อเสียงของนโปเลียนในประวัติศาสตร์ไม่เพียงแต่สร้างผลงานภายในประเทศเท่านั้น แต่นโปเลียนยังมีชื่อเสียงที่โด่งดังในการรบระหว่างประเทศ ในตอนนี้เราจะมาดูกันว่า ประวัติศาสตร์นโปเลียนในภาคออกรบ  มีอะไรที่น่าสนใจและนำเรื่องราวเหล่านี้มาพัฒนาตัวเองได้อย่างไรบ้าง

เมื่ออายุได้ 28 นโปเลียนได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งแม่ทัพเพื่อยึดอิตาลีกลับคืนมาจากออสเตรีย กองกำลังของเขาขาดแคลนไปทุกสิ่งทุกอย่าง ทั้งเสบียง อาวุธยุทโธปกรณ์ และเสื้อผ้า ด้วยกองทัพของนโปเเลียนมีกองทหารอยู่ 36000 คน และมืปืนใหญ่ 30 กระบอก และยังมีปัญหาในเรื่องของการดูแคลนในกองทัพของตัวเอง นายพลคนหนึ่งมองว่าเขาตัวเล็กเกินไป เหมือนกับเด็กขี่ม้า ทำให้นายทหารดูแคลนเขาไปด้วย รวมไปถึงทั้งประสบการณ์การรบของนโปเลียนนั้นน้อยมาก แทบจะยังไม่เคยมีจริงๆจังๆ
ระหว่างเดินทางนโปเลียนได้เห็นสภาพของกองทัพตัวเองว่าขาดวินัย และขวัญเสีย จึงได้เรียกประชุมและกล่าวสุนทรพจน์ดังต่อไปนี้ "ทหารทั้งหลาย พวกท่านอดอยาก มีแต่เสื้อผ้าเก่าๆ พันกาย มีอาหารอย่างแร้นแค้น รัฐบาลฝรั่งเศสไม่มีสิ่งใดจะให้พวกท่านดีกว่านี้อีกแล้ว ความอดอยากและการกล้าหารของพวกท่าน เป็นสิ่งที่น่าสรรเสริญยิ่ง แต่ความกล้าหาญและความอดทนไม่สามารถนำเกียรติยศและความรุ่งโรจน์มาได้ ดังนั้น ข้าพเจ้าจะนำพวกท่านไปยังแผ่นดินที่อุดมสมบูรณ์ที่สุดในโลกแหล่งหนึ่ง ที่นั้น พวกท่านจะได้พบกับเกียรติยศ ชื่อเสียง ความรุ่งโรจน์และความมั่งคั่งสมบูรณ์" พวกทหารพอได้ยินก็มีกำลังใจหึกเหิมในการเอาชนะข้าศึกให้ได้

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ napoleon austriaเมื่อกองทัพฝรั่งเศสเดินทางไปอิตาลี ต้องข้ามถิ่นทุรกันดารและข้ามภูเขาแอลป์ กระทั่งเข้าสู่อิตาลี ถึงแม้ว่าการเดินทางจะแสนลำบาก แต่ด้วยการปลุกกำลังใจของนโปเลียนทำให้กองทัพรักษาขวัญกำลังใจไว้ได้ และแล้วกองทัพฝรั่งเศสซึ่งมีกำลังพล 36000 นาย ปืนใหญ่ 30 กระบอก นำด้วยแม่ทัพผู้จะเป็นที่จดจำของประวัติศาสตร์ตลอดไปนามว่า นโปเลียนก็ได้ประจันหน้าเข้ากับกองทัพอิตาลีที่มีกำลังพลถึง 70000 นาย และปืนใหญ่ 250 กระบอก แต่นโปเลียนรบด้วยสติปัญญา กล่าวคือนโปเลียนเป็นผู้นำยุทธวิธีแบบใหม่ๆ มาใช้ในการรบ เช่นแทนที่จะเฝ้าล้อมเมืองหรือป้อมสำคัญ เป็นเวลานานๆ จนต้องยอมแพ้เพราะเสบียงหมด เขามั่นใจการเคลือนกำลังเข้าโจมตีอย่างรวดเร็วโดยที่ข้าศึกไม่ทันจะตั้งตัว และด้วยความเชี่ยวชาญทางด้านการใช้ปืนใหญ่ การใช้หลักคณิตศาสตร์มาช่วยในการรบ รวมไปถึงการสำรองพลปืนเอาไว้ในยามที่ทั่ง 2 ฝ่ายเหน็ดเนื่อย และใช้กองทัพม้าไล่บดขยี้ในตอนที่ข้าศึกเริ่มแตกเพื่อให้ข้าศึกหนีออกจากสนามรบ ซึ่งได้สร้างความน่าเกรงขามไปทั่วยุโรป

อิตาลีขอเซ็นสัญญาสงบศึก แล้วจ่ายค่าปฏิกรรมสงคราม แก่ฝรั่งเศส 60 ล้านฟรังก์ รื้อป้อมออก 3 ป้อมแล้วมอบป้อมให้แก่ฝรั่งเศสอีก 8 ป้อม นอกจากนี้กองทัพฝรั่งเศสยังผนวกเมืองนีชและซาวอยเข้ามาเป็นของฝรั่งเศสอีกด้วย ในการรบแต่ละครั้งนโปเลียนจะนำทัพด้วยตนเอง ทำให้เขาได้รับความเคารพรักจากทหารด้วยกัน อีกทั้งยังยอมอดมื้อกินมื้อร่วมกับทหาร แต่งตัวซอมซ่อร่วมกับทหาร  ชัยชนะที่อิตาลีครั้งนี้ ทำให้นโปเลียนได้แสดงศักยภาพของตนเองออกมาอย่างเต็มที่ จนตัวเขาเองได้ตระหนักถึงพลังอำนาจที่ตนเองมีอยู่ จนเกิดความเชื่อมั่นในตัวเองที่สูง นอกจากนั้นนโปเลียนยังไม่เคยทำการกดขี่ชาวเมืองอิตาลี ยังแสดงความเป็นมิตรแก่ประชาชน ไม่ยึดทรัพสิน ไม่ทำลายประเพณี วัฒนธรรม รวมไปถึงศาสนาที่ชาวอิตาลีนับถือ

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ napoleon italy
ศึกต่อไปเป็นศึกระหว่างฝรั่งเศสและออสเตรียซึ่ง ออสตรียไม่สามารถต้านฝรั่งเศสไว้ได้จึงหนีตายข้ามเถืองเข้าแอลป์ ซึ่งบนภูเขาแอลป์มีป้อมปราการ 4 แห่งที่รอคอยการมาของนโปเลียน แต่ว่าก็ต้านทานกองทัพนโปเลียนไม่อยู่แตกไป 3 ป้อมเหลือป้อมแมนทัว ที่นั้น นโปเลียนล้อมอยู่ 7 เดือนแล้วยังตีไม่แตก นอกจากนี้กองทัพของนายพลเวอร์เมอร์ ยกมาช่วยป้อมอีก 50000 คน ซึ่งแน่นอนเขาไม่กลัว นโปเลียนกระต้านกองทัพและไล่ฝ่ายตรงข้ามอย่างไม่เกรงกลัวจนตีทัพของเวอร์เมอร์ฺแตกจนยกธงขาวยอมแพ้ภายใน 2 สัปดาห์ ในระหว่างการรบนโปเลียนแย่งธงจากทหารวิ่งนำหน้าทหารพร้อมกับหันหลังตะโกนว่า "ทหารทั้งหลายท่านไม่ใช่คนกล้าหาญแห่งการรบที่โลดีแล้วหรือ จงตามข้าพเจ้ามา"ครั้งปลุกใจเสร็จก็วิ่งถือธงนำหน้าทหารไปอย่างกล้าหาญ บรรดาทหารต่างเห็นผู้นำตัวเอง จนรู้สึกเลื่อมใสจึงวิ่งออกตามไปบดขยี้กองทัพออสเตรียจนย่อยยับ นโปเลียนไม่รีรอ รีบนำทัพบุกเข้านครหลวงเวียนนาของออสเตรีย และตะลุยรุกไล่ทหารออสเตรียจนพ่ายแพ้กระเจิง และยึดเมืองหลวงได้สำเร็จ ออสเตรียต้องยกดินแดนทั้งหมด มอบค่าเสียหายให้กับฝรั่งเศส เป็นการรบที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของนโปเลียน และฉายแสงเหนือใครๆเป็นครั้งแรก

เมื่อกลับถึงกรุงปารีส นโปเลียนได้รับการตอบรับจากประชาชนอย่างยิ่งใหญ่ หนังสือพิมพ์กล่าวยกย่องเขาเป็นวีรบุรุษ ชื่อเสียงของเขาหอมหวานยิ่งกว่าใครๆในประเทศ แม้แต่รัฐบาลก็เทียบความยิ่งใหญ่กับเขาไม่ได้ จนรัฐบาลเริ่มรู้สึกว่าอำนาจของตัวเองเริ่มสั่นคลอน จึงได้สั่งให้นโปเลียนไปรบกับอังกฤษเพื่อหาทางให้นโปเลียนอยู่ห่างๆฝรั่งเศสให้มากที่สุด นอกจากนั้นนโปเลียนยังได้ทราบข่าวว่าเมียของเขา โจเซฟินมีชู้ ความจริงแล้วนโปเลียนทราบข่าวมาตั้งแต่นำทัพไปบุกอิตาลีแล้ว แต่ข่าวชัดเจนมากขึ้นมาเขากลับมาถึงปารีส แต่ดูเหมือนว่านโปเลยนจะคลั่งไคล้ในอำนาจ การเป็นวีรบุรุษของตัวเอง ชัยชนะ สงคราม จนไม่สนใจว่าเมียตัวเองจะมีชู้หรือไม่ อย่างไรก็ตามนโปเลียนไม่เห็นด้วยที่จะไปรบกับอังกฤษเพราะอังกฤษแข็งแกร่งมากในการรบทางน้ำ จึงเสนอว่าควรบุกไปที่อียิปต์ โดยนโปเลียนให้เหตุผลว่าถ้ายึดอียีปต์ได้ก็จะตัดกำลังสินค้าที่ส่งมาจากอินเดียได้ อังกฤษจะอ่อนแอไปเอง ความจริงแล้วนอกจากนโปเลียนจะมีเหตุผลที่ดีแล้ว อีกเหตุผลหนึ่งก็คือ ประเทศอียิปต์ยังเป็นประเทศที่พระเจ้าอเล็กซานเดอร์มหาราชของกรีกที่เขาคิดว่าจะรวม 3 ทวีปคือยุโรป แอฟริกา และเอเชีย จัดตั้งเป็นจกรวรรดิที่ยิ่งใหญ่ แล้วใช้อียิปต์เป็นศูนย์กลางก็คิดทำให้สำเร็จในสมัยตน

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ napoleon egyptและแน่นอนทางรัฐบาลเห็นด้วยเพราะอย่างไรก็ตามก็คิดจะให้นโปเลียนไปไกลๆอยู่แล้ว ในการเดินทัพของนโปเลียนได้พานักวิชาการไปด้วย 175 คนไปด้วย นโปเลียนมุ่งหน้าไปประเทศอียิปต์ ในปี 1798 เมื่อกองทัพเรือเดินทางไปได้สัก 1 เดือนกว่า ก็เข้าสู่เมืองท่าอบูคีร์ของอียิปต์ แล้วก็บุกเข้าตีจนยึดเมืองอเล็กซานเดรียและมหานครไคโรของอียิปต์ได้ แต่ทัพนโปเลียนถูกทัพเรือของอังกฤษ ซึ่งนำโดยแม่ทัพเนลสัน (Horatio Nelson) ได้ลอบนำกำลังเข้ามาโจมตีกองทัพเรือฝรั่งเศสที่จอดอยู่ที่อบูคีจ์จนเสียหายยับเยิน ทัพเรือนโปเลียนพ่ายแพ้ทัพเรืออังกฤษ ซึ่งนโปเลียนก็ดูเหมือนจะรู้ดีอยู่แล้วมาแต่ต้น เพราะกองทัพเรืออังกฤษเข้มแข็งกว่ากองทัพเรือฝรั่งเศสหลายเท่า ยิ่งนำทัพเรือโดยเนลสันแล้วยิ่งไม่ต้องพูดถึง แต่ทัพบกฝรั่งเศสนั้นเกรียงไกร นโปเลียนจึงใช้ทัพเข้ายึดครองอียิปต์ได้อย่างเบ็ดเสร็จในที่สุด

เมื่อยึดครองอียิปต์ได้แล้ว นโปเลียนก็จัดรูปแบบการเมือง การบริหาร การปกครองเสียใหม่ให้พัฒนา นักวิทยาศาสตร์ฝรั่งเศสก็ได้ศึกษาเรื่องราวของอียิปต์ ศึกษาพีระมิดและอื่นๆ หลังจากที่ยึดครองอียิปต์นโปเลียนก็ไม่หยุดแค่นี้ยังยกทัพไปตีซีเรีย ขณะที่รบยังไม่รู้แพ้รู้ชนะ ทหารฝรั่งเศสก้เป็นโรคระบาดกาฬโรค จึงต้องหยุดพักดูแลรักษาพยาบาลทหารให้หายดี ระหว่างนั้นทัพเรืออังกฤษได้ขนทหารตุรกี 20000 คนมุ่งหน้ามาอยิปต์ นโปเลียนจึงถอยทัพกลับมาเพื่อต้านทหารตุรกีโดยมีกองทัพเพียงแค่ 7000 คน จนตุรกีแตกพ่ายยับเยิน

รูปภาพที่เกี่ยวข้องในการรบกับกองกำลังมาเมลุกผู้รับใช้จักรวรรดิออตโตมัน นโปเลียนได้ชัยชนะอย่างงดงามในการรบที่พีระมิดในสงครามเอ็มบาเบห์ ได้ทำให้นโปเลียนโด่งดังขึ้นไปอีก หลังจากนั้นนโปเลียนได้ทราบข่าวว่าฝรั่งเศสได้รบกับรัสเซีย ออสเตรีย และตุรกีโดยทัพฝรั่งเศสพ่ายแพ้เป็นส่วนใหญ่ นโปเลียนฟังแล้วไม่สบายใจ จึงมอบกองทัพให้นายพลเดลแบร์ดูแล และใช้เรือลำเล็กหนีกองเรืออังกฤษแล่นกลับกรุงปารีส โดยมีลูกน้องติดตามมาไม่กี่คน ซึ่งในตอนนั้นฝรั่งเศสเกิดปัญหาขึ้นหลายอย่างทั่งภายในและภายนอก ปัญหาภายนอกเกิดปัญหาที่หลายประเทศรวมตัวกันต่อต้านฝรั่งเศส เช่น ออสเตรีย แคว้นเนเปิลของอิตาลี รัสเซีย และตุรกี ปัญหาภายในก็มีการคัดค้านรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ พวกคนหัวรุนแรงที่เป็นพรรคพวกของรอแบสปีแยร์ยังมีกระจายอยู่ทั่วประเทศแล้วได้รับการเลือกตั้งเข้ามาได้ที่นั่งมากกว่าฝ่ายอื่น ผู้สนับสนุนระบอบกษัตริย์ก่อกบฏ คณะผู้บริหารประเทศสูงสุด ซึ่งมีอยู่ 5 คน ก็แตกสามัคคีกัน แล้วคณะผู้บริหารกับรัฐสภาได้ขัดแย้งกันอย่างรุนแรง

ปัญหาเหล่านี้ทำให้ประชาชนเกิดความเบื่อหน่าย นโปเลียนจึงเห็นว่าเป็นโอกาสทองประกอบกับนักทฤษฎีวิชาการปฏิวัติคือ นาย เอ็มมานูแอล โณแซฟ ซีแยส์ ได้แนะนำให้นโปเลียนเข้ายึดอำนาจ หลายสิ่งหลายอย่างเป็นใจ นโปเลียนจึงเข้ายึดอำนาจ เมื่อตัดสินใจได้แล้วนโปเลียนจึงจัดทหารเรือใบเร็วจำนวน 2-3กองร้อย ออกจากท่าเรือที่อียิปต์ มาขึ้นบกที่ท่าเรือเฟรจูศ และยกพลเข้าสู่กรุงปารีสเพื่อทำการรัฐประหาร

สิ่งที่เราเรียนรู้ได้จากนโปเลียนคือ ภาวะผู้นำ และความหลงใหล อย่างแรกเลยภาวะผู้นำ เมื่อเราทำงานเรามักจะมีหัวหน้างานของเราอยู่ ซึ่งหัวหน้าเหล่านั้นไม่ได้หมายความว่าเขาจะมีภาวะผู้นำ สิ่งที่เราเรียนรู้ภาวะผู้นำจากนโปเลียนคือ นโปเลียนปฎิบัติตนเองเท่าเทียมกับผู้ใต้บังคับบัญชา ยอมลำบาก ยอมอดอาหาร และเป็นรบเคียงบ่าเคียงไหล่กัน ในขณะที่หัวหน้าที่ไร้ความเป็นผู้นำนั้นจะส่งลูกน้องไปตาย และไม่สนใจว่าลูกน้องจะกินอยู่อย่างไร อย่างที่สองความหลงใหล ในการศึกษาหรือทำงานอะไรสักอย่าง หากเรามีความสนใจและพัฒนาเป็นความหลงใหลจะเหมือนเวลาเราเสพยา หรือตกหลุมรัก สารสื่อประสาท Dopamine จะหลั่งออกมาเหมือนกับเวลาที่เราเสพยา ทำให้เราไม่สนใจอะไร หรือพูดง่ายๆอยู่ในสภาวะไหลลื่นนั้นเอง ดังนั้นนโปเลียนจึงไม่สนใจภรรยาของตัวเองโจเซฟินว่าจะมีชู้หรือไม่ นโปเลียนสนใจแต่การรบการทำสงคราม และชัยชนะต่อ อิตาลี ออสเตรีย อียิปต์ แม้จะพลาดท่าตอนซีเรียด้วยโรคระบาด แต่ก็ได้ชัยชนะต่อออตโตมันได้อย่างงดงาม

ในตอนต่อไปจะเป็นตอนที่นโปเลียนก้าวขึ้นมาเป็นกษัตริย์ หลังจากนั้นนโปเลียนเปลี่ยนแปลงอะไรด้านการปกครองบ้าง และเกิดอะไรต่อจากนั้นบ้าง เราจะได้ทราบกันในตอน นโปเลียนจักรพรรดิแห่งฝรั่งเศส
(ภาคต่อไป)

"คุณไม่อาจนำโด้โดยการชี้นิ้่วและบอกให้คนอื่นเดินทางไปที่จุดหมายปลายทางหนึ่ง คุณนำโดยการเดินไปที่นั้นและแสดงให้คนเห็นว่า การไปที่นั้นสำคัญอย่างไร" Ken Kesey

ความคิดเห็น