หลัก 5 ข้อ ในการใช้ชีวิต

            ในบทความนี้ผมตั้งใจที่จะนำเสนอหลักการในการดำเนินชีวิตของตนเอง ซึ่งกลั่นกรองมาจากประสบการณ์ชีวิตของตนเอง ทั้งประสบการณ์ที่ประสบพบเจอ และสิ่งที่ได้ศึกษามา แน่นอนว่าแต่ละคนจะมีวิถีชีวิต ความเชื่อ หลักการของตนเอง เพราะเราทุกคนย่อมมีความคิดแตกต่างกันไป บางคนอาจจะมีข้อเดียว บางคน 10 ข้อ สำหรับผมมี 5 ข้อที่อยากนำเสนอให้กับทุกท่านได้นำไปประยุกต์ใช้กับวิถีชีวิตของตนเอง หรือเพียงแค่อ่านเพื่อความสุนทรีย์ ซึ่งหลักที่ผมนำเสนอผมเรียกว่า K-RISH โดยแยกออกเป็นหลัก 5 ข้อ ดังต่อไปนี้

            1. Kind (ใจดี) คือ การที่เรามีความใจดีกับผู้อื่น เป็นสิ่งที่เรียบง่ายอย่างมาก เมื่อเราใจดีกับผู้อื่น มันจะเป็นการสื่อสารที่ไม่มีจุดสิ้นสุด เป็นความแสดงความห่วงใยต่อผู้อื่นซึ่งจะทำให้ผู้อื่นรู้สึกใจเย็นมากขึ้น รู้สึกดีมากขึ้น กล่าวคือเป็นการแสดงความเอื้ออารีออกไป นอกจากนั้นในหนังสือ Into the Magic shop ของ Jame Doty (2016) ได้กล่าวถึงการศึกษาความเอื้ออารีว่า "ปัจจุบันพบว่าการแสดงความเอื้ออารีนั้นไม่เพียงแต่ส่งผลดีต่อผู้รับ แต่ยังส่งผลดีต่อผู้ให้อีกด้วย" เราทุกคนล้วนอยากได้รับความเอื้ออารี ความใจดีจากผู้อื่น ผู้อื่นก็ปรารถนาสิ่งนี้เช่นเดียวกัน การได้ให้ก็จะได้รับ ซึ่งจะเป็น "วงจรแห่งความใจดี" ที่เกิดขึ้นไม่รู้จบต่อไป คำว่าใจดี (Kind) ยังมีความสอดคล้องกับคำว่าเมตตา (Compassion) ที่เป็นความปรารถนาให้ผู้อื่นพ้นทุกข์ แต่ผมมองว่า"ความใจดี"เป็นหลักในการสื่อสารต่อกันและกันที่เรียบง่าย ซึ่งสามารถแสดงต่อกันในทุกความสัมพันธ์ ไม่ว่าจะเป็น คุณครูกับนักเรียน พ่อแม่กับลูก เพื่อนกับเพื่อน คู่รัก หัวหน้ากับลูกน้อง ไปจนถึง คนกับสัตว์ 

            2. Resilience (ยืดหยุ่นทางจิตใจ) คือความสามารถฟื้นกลับจากสถานการณ์ที่รู้สึกทุกข์ กลับสู่จุดสมดุล การยืดหยุ่นทางจิตใจไม่ได้ทำให้คนไม่ทุกข์ ไม่เครียด ไม่เศร้า แต่ทำให้คนที่กำลังเผชิญความรู้สึกดังกล่าว กลับเข้าหาสมดุลของชีวิตได้อย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในปัจจุบันที่มนุษย์เผชิญกับปัญหาอันยุ่งยาก ซับซ้อนมากขึ้น คนในยุคนี้จึงจำเป็นต้องมีความยืดหยุ่นทางจิตใจ ซึ่ง Resilience สามารถสร้างขึ้นได้ดังต่อไปนี้ 1) เผชิญหน้ากับความจริง หรือยอมรับความจริง 2) ค้นหาความหมายของสิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น หรือค้นหาคุณค่าของสิ่งต่าง ๆ  และ 3) เรียนรู้และทบทวนอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เราสามารถปรับตัว ค้นหาข้อผิดพลาด ค้นหาสาเหตุสิ่งต่าง ๆ และเผชิญหน้ากับชีวิตอันยากลำบากต่อไปได้

            3. Integrity (ความซื่อตรง) คือ การที่เรากำหนดว่าคุณค่าใดบ้างที่สำคัญสำหรับเรามากที่สุด และเราจะต้องซื่อสัตย์และจริงใจต่อสิ่งนั้น (ที่เราให้ค่าความสำคัญ) เช่นบางคนอาจจะให้ค่ากับการทำงาน คำพูด หรือหรือเวลา นอกจากนั้นเราควรที่จะซื่อตรงต่อตนเองด้วย ซึ่งการที่เราซื่อตรงต่อสิ่งที่เราให้ความสำคัญ จะทำให้ตัวเราเอง เราจะเกิดความภาคภูมิใจ (Dignity) ที่จะทำให้เรารู้สึกว่ามีตัวตนอยู่บนโลกนี้ และรู้สึกว่าตนเองมีความสำคัญ และรู้สึกมีคุณค่าในตนเองมากยิ่งขึ้น 

            ในหนังสือ Into the Magic shop ของ Jame Doty (2016) ได้กล่าวเอาไว้ว่า "เราจะต้องปฏิบัติต่อสิ่งสำคัญนั้นตลอดเวลา หากเราลดทอนความซื่อตรงของเราได้ครั้งหนึ่งแล้ว ครั้งต่อไปมันย่อมเกิดได้ง่ายขึ้น" การซื่อตรงต่อสิ่งที่เราให้ความสำคัญนั้นเป็นเรื่องที่ทำได้ยาก เพราะมีปัจจัยจำนวนมากที่บีบบังคับให้เราเลือกทางที่ง่าย นั้นคือโยนทิ้งความซื่อตรงออกไป เช่น การที่เราจะต้องโกหกหรือกระทำสิ่งที่ผิดเพื่อเอาตัวรอดหรือยกระดับของตัวเองไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ด้วยเหตุนี้จึงมีน้อยคนมากที่จะสามารถทำได้ ดังนั้นจำเป็นที่จะต้องใช้พลังงาน ความพยายาม และความตั้งใจอย่างมาก หากเราสามารถที่จะซื่อตรงต่อตนเองได้จะสามารถทำให้ตัวตนของเราเข้มแข็งมากยิ่งขึ้น

            4. Self-Esteem (การเห็นคุณค่าในตนเอง) คือ การประเมินตนเองผ่านประสบการณ์ที่ผ่านมา คนที่เห็นคุณค่าในตนเองก็จะประเมินประสบการณ์ในทางบวก ซึ่งจะเป็นคนที่เชื่อมั่นในตนเอง ปรับตัวได้ ควบคุมตนเองได้ รักตนเอง รับกับความกดดันได้ดี แตกต่างจากผู้ที่เห็นคุณค่าในตนเองต่ำ ที่จะปรับได้ยาก มักจะอยู่ภายใต้การควบคุมของผู้อื่น พยายามได้มาซึ่งการเอาอกเอาใจ และมักติดอยู่กับเหตุการณ์ในอดีต 

            เหตุผลที่การเห็นคุณค่าในตนเองเป็นสิ่งที่่สำคัญ เพราะการตั้งเป้าหมาย หรือการจะมีความสุขในชีวิตได้นั้น เราจะต้องเห็นคุณค่าในตนเอง การเห็นคุณค่าในตนเองไม่ใช่สิ่งที่ปรับได้เลยทันที แต่มาจากประสบการณ์ชีวิตของเรา มันจึงเป็นสิ่งที่ต้องใช้เวลาในการสร้างขึ้นมา ซึ่งจะต้องสร้างประสบการณ์ขึ้นมาใหม่ที่เป็นเชิงบวกขึ้นเรื่อย ๆ  และทำในลักษณะค่อย ๆ ทำ (Small win) ไปจนถึงสำเร็จ (Big win) หลังจากนั้นลักษณะนิสัย และการแสดงออกจะค่อย ๆ เริ่มเปลี่ยนไป จะทำให้เป็นคนที่มีความสุขกับโลกใบนี้มากขึ้นกว่าเดิม (สามารถอ่านเกี่ยวกับการเห็นคุณค่าในตนเองเพิ่มได้ จากบทความการเห็นคุณค่าในตนเอง 1 และ การเห็นคุณค่าในตนเอง 2 

            5. Happy (มีความสุข) คือ การประเมินคุณภาพชีวิตที่เป็นส่วนที่น่าพึงพอใจ เป็นความยินดี ความสบายใจ อารมณ์ดี โดยปราศจากความรู้สึกด้านลบ เช่น ซึมเศร้า วิตกกังวล ข้อความดังกล่าวเป็น ข้อความที่เข้าใจง่ายและทุกคนเห็นตรงกัน สำหรับตัวผมมองว่า ความรู้สึกเศร้า เสียใจเป็นความรู้สึกที่สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน และสามารถเกิดขึ้นได้ทุกวัน ไม่ว่าคนคนนั้นจะเป็นผู้ที่มองโลกในแง่ดีมากน้อยแค่ไหนก็ตาม ความรู้สึกเชิงลบเป็นเพียงเรื่องธรรมดาของชีวิต "ในแต่ละวันคนเราจะมีความรู้สึกทั้งเชิงบวก และเชิงลบเกิดขึ้น เราจะต้องออกแบบชีวิต และความคิดให้สามารถมีความคิดเชิงบวก มากกว่าเชิงลบ จึงเป็นกุญแจของการมีความสุข" เราจะต้องตระหนักไว้เสมอว่าชีวิตของเราในหนึ่งวัน มีทั้งสุขและทุกข์ บวกและลบ ขาวและดำ เป็นธรรมชาติของชีวิต

            ในหนังสือ Elastic ของ Leonard Mlodinow (2018) ได้กล่าวอธิบายความสำคัญของความรู้สึกเชิงบวก และเชิงลบเอาไว้น่าสนใจ  ว่า อารมณ์เชิงลบ เช่น ความกลัว ความโกรธ ความเศร้า และความขยะแขยง ก่อให้เกิดการตอบสนองในระบบประสาทอัตโนมัติ อย่างเช่นหัวใจเต้นแรงขึ้น หรืออาเจียน อารมณ์เหล่านี้เกิดขึ้นมาเพื่อให้เราทำอะไรสักอย่าง เพราะมันกำลังมีจะมีสิ่งที่เป็นอันตรายเกิดขึ้น ในขณะที่อารมณ์ (ความรู้สึก) เชิงบวกเสริมให้เราคิดพิจารณาความคิดและพฤติกรรมอันหลากหลายกว่าปกติทั่วไป อารมณ์ดังกล่าวช่วยกระตุ้นให้เราสร้างความสัมพันธ์ใหม่ ๆ พร้อมกับเปิดกว้างรับข้อมูล ซึ่งการจะมีอารมณ์เชิงบวกหรือลบยังสอดคล้องกับการเผชิญเหตุการณ์ทั้งบวกและลบด้วยเช่นกัน

            หลักการดำเนินชีวิต K-RISH ที่ประกอบไปด้วย Kind (ใจดี) -  Resilience (ยืดหยุ่นทางใจ) Integrity (ความซื่อตรง) Self-Esteem (การเห็นคุณค่าในตนเอง) และ Happy (มีความสุข) เป็นเพียงการนำเสนอหลักการส่วนตัวของผมเท่านั้น ในความจริงแล้วแต่ละบุคคลย่อมจะมีหลักการในการดำเนินชีวิตที่แตกต่างกัน อย่างที่กล่าวมาช่วงต้นของบทความ บางคนมีหลักการหลายข้อ บางคนมีเพียงไม่กี่ขอ ในความจริงแล้วจำนวนข้อมิได้มีความสำคัญ สิ่งที่สำคัญก็คือ การตระหนักว่าทุกสิ่งทุกอย่างย่อมเปลี่ยนแปลงได้ ความคิด ความเชื่อ หรือแม้แต่หลักการ การยอมรับความเปลี่ยนแปลงและเพลิดเพลินไปกับชีวิตที่มีความหมาย เป็นกุญแห่งการสร้างคุณค่าแห่งความสุขของการมีชีวิต

อ้างอิง

Doty, J.  2016.  Into the Magic shop : A Neurosurgeon's Quest to Discover the Myteries of the Brain and the Secrets of the Heart. UK: Hodder & Stouhton.

Mlodinow, L.  2018.  Elastic: Flexible Thinking in a Time of Change. NY: Pantheon Books.

ความคิดเห็น