เด็กชายคนหนึ่งทำงานในกรุงลอนดอนเป็นพนักงานในร้านอาหารแห่งหนึ่ง ทุกวันเขาต้องตื่นตีห้าเพื่อทำความสะอาดร้านและทำงานหนักเป็นเวลา 14 ชั่วโมงต่อวัน มันเป็นงานที่ทั้งหนักและทั้งน่าเบื่อ ทำให้เขาเกลียดงานนี้อย่างมาก จนกระทั่งวันหนึ่งเขาก็ไม่อยากทำงานนี้อีกต่อไป เขาจึงเขียนจดหมายยืดยาวที่ระบายถึงความทุกข์ของเขา ส่งไปให้กับครูที่เขาคุ้นเคยมานาน ในเนื้อความของจดหมายมีใจความประมาณว่า "เขาเสียใจมาก และไม่อยากมีชีวิตอยู่อีกต่อไป" ครูคนนั้นได้พูดให้กำลังใจ และยกย่องชมเชยเขา ว่าเป็นเด็กฉลาดและเหมาะจะทำงานที่ดีกว่านี้และเสนองานให้ลองทำงานเป็นครูดู
คำชมเชยที่เปี่ยมล้นด้วยความเมตตานั้นได้เปลี่ยนแปลงอนาคตของเด็กคนนั้นตลอดไป และส่งผลอันยิ่งใหญ่ต่อวงการวรรณกรรม เพราะเมื่อเด็กชายคนนั้นเติบโตขึ้นมาเขาได้เขียนหนังสือที่ขายดีที่สุดเป็นจำนวนนับไม่ถ้วน และทำเงินได้หลายล้านด้วยปลายปากกาของเขา เขาคนนั้นชื่อ H. G. Wells นักเขียนนิยายวิทยาศาสตร์ชื่อดัง
ผมยกเนื้อหานี้จากหนังสือ How to Win Friends and Influence ที่เขียนโดย Dale Carnegie มาเพื่อเป็นตัวอย่างให้เห็นถึงความสามารถที่จะเข้าใจความคิด และความรู้สึก (Psychological Mindedness) หากครูคนนั้นไม่ได้เข้าใจความรู้สึกของเวลส์ และไม่สามารถเข้าใจว่าเขามีความปรารถนาอะไรกันแน่ โลกของเราก็อาจจะขาดนักเขียนฝีมือขั้นเทพอย่าง H. G. Wells ไป กล่าวคือ การเข้าใจความรู้สึกของผู้อื่น สามารถเปลี่ยนแปลงชีวิตของคนคนหนึ่งได้เลย และผมเชื่อว่าครูคนนั้นคงมี Psychological Mindedness อย่างแน่นอน
ผมรู้จักคำนี้ในบทความสัมภาษณ์ของจิตแพทย์ที่ผมชอบมากที่สุด คือ นายแพทย์ประเสริฐ ผลิตผลการพิมพ์ จากบทสัมภาษณ์ waymagazine.org เกี่ยวกับสถานการณ์โควิด-19 ดังเนื้อหาต่อไปนี้
บรรณาธิการ : "ตอนนี้สังคมโดยรวมมีสุขภาพจิตที่ย่ำแย่ มีข่าวฆ่าตัวตาย แม่ไม่มีเงินซื้อนมผงให้ลูกจึงฆ่าตัวตาย ในห้วงเวลาเช่นนี้ คุณหมอคิดว่า สังคมควรจะดูแลสุขภาพจิตของกันและกันอย่างไร"
นายแพทย์ประเสริฐจึงตอบว่า : "เมตตา คำศัพท์จากจิตวิทยามี 2 คำ คำแรกคือ Empathy รับรู้ความทุกข์ของคนอื่น สังคมควรมีความสามารถนี้ให้มาก การรับรู้เท่ากับการแชริ่งในความหมายว่าแบ่งเบา แบ่งเบาความทุกข์ของเพื่อนร่วมสังคม อีกคำหนึ่งคำว่า Psychogical Minded เป็นคุณสมบัติพื้นฐานของความเป็นแพทย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนเป็นจิตแพทย์ นักจิตวิทยา คือมีจิตใจที่อ่อนโยนมากพอจะสัมผัสจิตใจของผู้อื่น เทคโนแครตมักไม่มี Psychological minded เพราะใช้ความรู้ในการทำงานจนเพลิน จนกระทั่งหลงลืมไปว่าตนเองเคยมีหัวใจมาก่อน
(เทคโนแครต คือ ผู้ที่มีอำนาจจากความเชี่ยวชาญในศาสตร์ใดๆ ซึ่งใช้อำนาจนั้นตัดสินใจต่อปัญหาสาธารณะ แทนที่ผู้ใช้อำนาจที่มาจากการเลือกตั้ง)
นายแพทย์ประเสริฐจได้อธิบายว่า Psychogical Minded คือ "ผู้ที่มีจิตใจที่อ่อนโยนมากพอจะสัมผัสจิตใจของผู้อื่น" โดยสอดคล้องกับความคิดของซิกมันด์ ฟรอยด์ (Sigmund Freud) นักจิตวิเคราะห์ที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลกคนหนึ่ง โดยเขาให้ความหมายว่า Psychogical Minded คือ "บุคคลที่สามารถเข้าใจปัญหาทางจิตใจ" และ ไมเคิล คาร์สัน (Michael Karson) ศาสตราจารย์ทางด้านจิตวิทยาคลินิกจากมหาวิทยาลัยเดนเวอร์ ได้ให้ความหมาย Psychological Mindedness ว่า "เป็นลักษณะทางบุคลิกภาพทีสามารถตรวจสอบตนเองด้วย ความแม่นยำ สติปัญญา ความอยากรู้อยากเห็น ความเห็นอกเห็นใจ และอารมณ์ขัน"
จากข้อความข้างต้นทั้งหมดผมจึงสรุปว่า Psychological Mindedness คือ "ความสามารถที่จะเข้าใจความคิด ความรู้สึกของตนเองและผู้อื่น ด้วยสติปัญญา และความเห็นอกเห็นใจ"
ทุกท่านอาจจะสับสนว่ามันแตกต่างกับ Empathy ที่แปลว่าความเข้าอกเข้าใจอย่างไร ในความคิดของผมซึ่งสอดคล้องกับไมเคิล คาร์สัน (Michael Karson) ศาสตราจารย์ทางด้านจิตวิทยาคลินิก เขาเชื่อว่า Psychological Mindedness เป็นลักษณะบุคลิกภาพ (Personality Trait) คือสิ่งที่เปลี่ยนแปลงได้ยาก ค่อนข้างจะถาวร ในขณะที่ Empathy เป็นการรับรู้ความทุกข์ของคนอื่น
อย่างไรก็ตามการที่เราจะสามารถเข้าใจจิตใจของผู้อื่นได้ เราก็ต้องเข้าใจจิตใจของตนเองด้วย มีสติรู้ตัวว่าขณะนี้เรากำลังทำอะไรอยู่ มีความสามารถในการคิดไคร่ครวญ รู้จักให้อภัยตนเอง พูดคุยกับตนเอง ตระหนักถึงความคิด และความรู้สึกของตนเอง จึงจะสามารถเข้าใจความคิด และความรู้สึกของผู้อื่นได้Psychological Mindedness จึงไม่ใช่ความสามารถที่จะเข้าใจความคิด และความรู้สึกของผู้อื่นอย่างเดียว แต่เป็นความสามารถที่จะเข้าใจความคิด และความรู้สึกของตนเองด้วย ผมจะยกตัวอย่างของครูอีกท่านหนึ่งซึ่งเปลี่ยนแปลงชีวิตของเด็กคนหนึ่งไปตลาดกาล
ผมเชื่อว่าถ้าคนเรามี Psychological Mindedness กันมาก ๆ สังคมคงน่าอยู่ขึ้นมากทีเดียว และจะมีเด็กอีกมากมายที่สามารถเติบโตมีชีวิตอย่างมีความหมาย มีความสุข และประสบความสำเร็จอย่าง James Earl Jones และ H. G. Wells แน่นอน
อ้างอิง
Carnegie, D. (1998). How to Win Friends & Influence People. NY: Pocket Books.
Karson, M. (2016). Psychological-Mindedness as a Worldview. https://www.psychologytoday.com/intl/blog/feeling-our-way/201609/psychological-mindedness-worldview
Robinson, K. & Aronica. L. (2009). The Element: How Finding Your Passion Changes Everything. NY: Penguin Books.
WAY magazine. (2020). นพ.ประเสริฐ ผลิตผลการพิมพ์: 20 คำถามเติมพลังบวก ก่อนจะบวกกัน. https://waymagazine.org/20-question/
คาลอส บุญสุภา. (2564). ประโยชน์ของการมี. Empathy. https://sircr.blogspot.com/2021/04/empathy.html
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น