แม้ยาจะเป็นตัวช่วยที่ดี
แต่สิ่งที่จะช่วยเราได้ดีมากที่สุด
ก็คือคนรอบข้างที่อยู่เคียงข้างและรับฟังเรา
โรคซึมเศร้าเป็นภัยที่คนจำนวนมากกำลังเผชิญอยู่ โรคนี้แตกต่างกับโรคทางกายที่คนอื่นสังเกตเห็นได้ เข้าใจง่าย ในขณะที่โรคซึมเศร้าจะเกิดความผิดปกติกับกระบวนการคิด ทำให้คนภายนอกมองไม่เห็น พวกเขาจะไม่มีทางเข้าใจเลยว่าทำไมคนที่เป็นโรคซึมเศร้าถึงต้องร้องไห้ ต้องอ่อนไหว ต้องเหนื่อยล้าเพราะนอนไม่หลับ ยิ่งไปกว่านั้นผู้ที่เป็นโรคซึมเศร้าก็ไม่เข้าใจตัวเองด้วย แม้เราจะมีเพื่อนมากมายแค่ไหนก็ตาม แต่ด้วยกระบวนการคิดที่ผิดปกติ ย่อมทำให้ผู้ป่วยต้องรู้สึกแย่และเจ็บปวดอยู่เสมอ ซึ่งความรู้สึกทั้งหมดถูกอัดแน่นอยู่ในเพลงหนึ่งเพลง
เพลงนี้ชื่อ The doctor said ขับร้องโดย โคลอี้ อดัมส์ (Chloe Adams) มีเนื้อหาเกี่ยวกับความคิด และความรู้สึกของผู้ที่เป็นโรคซึมเศร้าต้องเผชิญ นั้นคือการที่คนรอบตัว "ไม่เข้าใจเราเลย" แม้แต่หมอที่มีความรู้เฉพาะทาง ก็ไม่เข้าใจ ความรู้สึกเศร้า โดดเดี่ยว เจ็บปวด อ้างว้าง และความต้องการที่แท้จริงของผู้ป่วย (ในเพลงนี้) คืออะไรกันแน่ เพลงนี้จะทำให้เราเข้าใจผู้ป่วยโรคซึมเศร้ามากขึ้น และด้วยเสียงร้องกับทำนองที่ไพเราะทำให้เพลงนี้เป็นหนึ่งในเพลงที่วิเศษอย่างมากเพลงหนึ่ง
เนื้อเพลงและคำแปล
I'll be lost inside my head
Bad thoughts 'til 4 a.m.
Then I'll try to sleep
And I can't tell anyone
I'm so scared they'll get up and run
ฉันมักจะหายตัวไปในความคิดของฉัน
เป็นความคิดที่เลวร้ายจนกระทั่งตี 4
หลังจากนั้นฉันถึงพยายามหลับ
และฉันไม่สามารถเล่าให้ใครฟังได้สักคน
ฉันรู้สึกกลัวมาก ฉันจึงลุกขึ้นและวิ่งหนีไป
The days were so much funner
Weren't they?
Oh, I book a new appointment
It's another disappointment
They're all the same, same, same
และโอ้ ฉันคิดถึงช่วงเวลาที่เรายังเป็นเด็ก
ช่วงเวลาที่แสนจะสนุกสนานมากกว่าวันนี้
ใช่ไหมล่ะ
ฉันได้จองเวลานัดใหม่ (นัดแพทย์)
มันก็แค่อีกหนึ่งความผิดหวัง
One at morning, one at night
These pills will help you remember how to smile
But what does he know?
Cause I feel so alone
And mom and dad both tell me I'm alright
Cause the doctor said you're fine
เมื่อคุณหมอบอกว่า "ฉันสบายดี"
หนึ่งครั้งในตอนเช้า และอีกหนึ่งครั้งตอนกลางคืน
ยานี้จะช่วยให้ฉันจำวิธีที่จะยิ้มได้
แต่เขาจะรู้อะไร
เพราะฉันรู้สึกโดดเดี่ยว
และแม่กับพ่อของฉันต่างพูดว่า "ฉันปกติดี"
They all say it's anxiety
But I just think it's me
Now I've lost so many years
My pillow's a tissue for my tears
But you never see
จิตใจของฉันอาจกำลังหลอกตัวฉันเองอยู่
พวกเขาต่างบอกว่ามันคือความวิตกกังวล
แต่ฉันแค่คิดว่ามันคือตัวฉันนี้แหละ
ตอนนี้ฉันสูญเสียตัวเองไปหลายปี
หมอนของฉันเป็นเหมือนกระดาษชำระที่คอยซับน้ำตาของฉัน
Mom says I'm getting thinner
Am I?
Oh, I book a new appointment
Yet another disappointment
They're all the same, same, same
และตอนนี้ ฉันไม่สามารถแม้แต่จะกินอาหารค่ำ
แม่บอกว่าฉันเริ่มที่จะผอมเกินไปแล้ว
จริงหลอ
ฉันได้จองเวลานัดใหม่
มันก็แค่อีกหนึ่งความผิดหวัง
One at morning, one at night
These pills will help you remember how to smile
But what does he know?
Cause I feel so alone
And mom and dad both tell me I'm alright
Cause the doctor said you're fine
เมื่อคุณหมอบอกว่า "ฉันสบายดี"
หนึ่งครั้งในตอนเช้า และอีกหนึ่งครั้งตอนกลางคืน
ยานี้จะช่วยให้ฉันจำวิธีที่จะยิ้มได้
แต่เขาจะรู้อะไร
เพราะฉันรู้สึกโดดเดี่ยว
และแม่กับพ่อของฉันต่างพูดว่า "ฉันปกติดี"
He'll just go home to his family
Why does no one see?
I'm not the girl I wish that I could be
แต่เขาไม่ได้ห่วงใยอะไรฉัน
เขาก็แค่จะกลับบ้านไปหาครอบครัวของเขา
ทำไมถึงไม่มีใครสักคนเลยที่มองเห็น
One at morning, one at night
These pills will help you remember how to smile
But what does he know?
Cause I feel so alone
And mom and dad both tell me I'm alright
Cause the doctor said you're fine
เมื่อคุณหมอบอกว่า "ฉันสบายดี"
หนึ่งครั้งในตอนเช้า และอีกหนึ่งครั้งตอนกลางคืน
ยานี้จะช่วยให้ฉันจำวิธีที่จะยิ้มได้
แต่เขาจะรู้อะไร
เพราะฉันรู้สึกโดดเดี่ยว
และแม่กับพ่อของฉันต่างพูดว่า "ฉันปกติดี"
บทเพลงที่ไพเราะนี้ถ่ายทอดความคิด และความรู้สึกของวัยรุ่นที่เผชิญกับโรคซึมเศร้าได้อย่างยอดเยี่ยม ความสับสน ความเศร้า ความอ้างอ้าง ความเจ็บปวด และความโดดเดี่ยวที่ผู้ป่วยเผชิญ รวมไปถึงความรู้สึกที่ไม่มีใครเข้าใจตัวเราเลย เราต้องตระหนักว่ามนุษย์เป็นสัตว์สังคมอย่างแท้จริง เผ่าพันธ์ของเราต้องพึ่งพาอาศัยกัน เมื่อเกิดเรื่องไม่สบายใจเราจะเล่าสู่กันฟัง เห็นอกเห็นใจกัน มีการให้และมีการรับ ทั้งหมดนี้เป็น "ความปกติ" ที่ควรจะเกิดขึ้นกับมนุษย์ทุกคน
แต่ในยุคสมัยนี้ ยิ่งนานวันยิ่งเหลื่อมล้ำและความไม่เท่าเทียมมากขึ้น บีบให้มนุษย์ที่มีสัญชาตญาณความอยากเป็นคนสำคัญ อยากมีคุณค่า ต้องแข่งขันกันเพื่อจะฉายแสงออกมา มากหรือน้อยขึ้นอยู่กับบุคคล นั้นจึงทำให้มีผู้แพ้ ผู้ชนะ คนที่พอจะคิดได้ว่า "ทำไมฉันจะต้องแข่งขันแบบนั้นด้วย" หรือ "จะวิ่งต่อไปให้เหนื่อยทำไม" ก็จะเริ่มแปลกแยกมากยิ่งขึ้น ทำให้ความสำคัญและคุณค่าในตัวเขาเหล่านั้นลดลงไปเรื่อย ๆ จนทำให้มีอาการซึมเศร้า ซึ่งสามารถพัฒนาต่อไปจนเป็นโรคซึมเศร้าได้ในท้ายที่สุด
เพลงนี้บอกเล่าอาการของผู้ป้วยได้เป็นอย่างดี ยกตัวอย่างเนื้องเพลง "I'll be lost inside my head, bad thoughts 'til 4 a.m. then I'll try to sleep" ฉันมักจะหายตัวไปในความคิดของฉัน เป็นความคิดที่เลวร้ายจนกระทั่งตี 4 หลังจากนั้นฉันถึงพยายามหลับ พฤติกรรมดังกล่าวมักจะเกิดขึ้นกับผู้ป่วยทุกคน พวกเขาจะคิดทบทวนเรื่องราวต่าง ๆ ที่เคยเกิดขึ้น ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นแง่ลบ แต่สิ่งที่แย่ที่สุดก็คือเขาจะไม่สามารถหยุดความคิดดังกล่าวได้เลย
บางคนอาจหวนนึกถึงช่วงเวลาที่มีความสุขมากที่สุด นั้นคือช่วงเวลาที่เราเป็นเด็ก ช่วงเวลาที่เราไม่ต้องคิดอะไรมาก เพียงแค่เล่นอย่างมีความสุข ช่วงเวลาที่เราเหมือนจะสามารถควบคุมทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตได้ เหมือนกับเนื้อเพลง "I miss when we were younger, the days were so much funner" จริง ๆ แล้วไม่เพียงแต่ผู้ป่วยโรคซึมเศร้าเท่านั้นที่หวนคิด แต่เราทุกคนที่ต่อให้ไม่มีอาการซึมเศร้า ก็มักจะย้อนคิดถึงอดีตที่มีความสุข ช่วงเวลาที่เราเคยเป็นเด็ก ซึ่งไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร
เพราะตอนเป็นเด็กเราเป็นตัวของตัวเอง แต่ในปัจจุบันเราเป็นในสิ่งที่ห่างไกลจากตัวเองมาก
ถ้าโชคดีหน่อยผู้ป่วยหรือผู้ที่มีอาการซึมเศร้าสามารถไปหาหมอ (จิตแพทย์) เพื่อรับการช่วยเหลือ ไม่ว่าจะเป็นการบำบัดหรือยา จะสามารถช่วยให้เราสามารถปรับกระบวนการคิดให้เป็นปกติได้ อย่างไรก็ตามยาเป็นเพียงแค่ตัวช่วย แต่คนที่ลงมือทำก็คือตัวเราเองที่จะต้องเข้มแข็งมากพอ และสิ่งที่ขาดไม่ได้เลยในการที่จะทำให้เราเข้มแข็งมากขึ้น มีกำลังใจมากขึ้น นั้นก็คือคนรอบข้าง กล่าวคือ แม้ยาจะทำให้เรากลับมายิ้มได้อีกครั้งเหมือนกับเนื้อเพลง "These pills will help you remember how to smile" แต่เขาจะรู้อะไร เพราะฉันรู้สึกโดดเดี่ยว "But what does he know?, cause I feel so alone" แม้ยาจะเป็นตัวช่วยที่ดี แต่สิ่งที่จะช่วยเราได้ดีมากที่สุดก็คือคนรอบข้างที่อยู่เคียงข้าง เข้าใจและรับฟังเรา
แม้เพลงนี้จะบอกเล่าเกี่ยวกับความคิดและความรู้สึกของผู้ป่วยโรคซึมเศร้า แต่คนทั่วไปที่ไม่ได้เผชิญกับโรคนี้ก็สามารถนำเอาบทเพลงนี้ไปสะท้อนความรู้สึกโดดเดี่ยว ที่เราแทบทุกคนก็ต่างรู้สึกเหมือนกันทั้งนั้น เราทุกคนต่างต้องการคนเข้าใจ รับฟัง และให้กำลังใจ ผมเชื่อว่าทุกอย่างในชีวิตเราไม่มีทางเป็นอย่างที่เราปรารถนาที่จะเป็น เหมือนกับในเนื้อเพลง "Why does no one see?, I'm not the girl I wish that I could be" ทำไมถึงไม่มีใครสักคนเลยที่มองเห็น ว่าฉันไม่ใช่เด็กผู้หญิงที่ฉันปรารถนาอยากจะเป็น ทั้งหมดก่อเป็นความรู้สึกผิดหวัง และกลายเป็นความเศร้า
ดังนั้นหากเรามองเห็นกันมากขึ้น เข้าใจกันมากขึ้น
รับฟังกันมากขึ้น มันจะเป็นกำลังใจที่ทำให้เราทุกคน
อาจจะสามารถเป็นในสิ่งที่เราปรารถนาอยากจะเป็น
อย่างแท้จริงก็ได้
สามารถอ่านบทความอื่นเพิ่มเติมจากลิ้ง สารบัญ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น