วิเคราะห์และแปลเพลง Mad World - Gary Jules

ความทุกข์ ความเศร้า หรือโรคซึมเศร้า
ไม่ได้ตกลงมาจากฟ้า มันเริ่มต้นจากพื้นดิน 
นั้นคือสังคมรอบ ๆ ตัวเรา

            ทุกอย่างบนโลกใบนี้ล้วนวิ่งวนไปวนมาอย่างไม่มีที่สิ้นสุด หากเราได้อ่านประวัติศาสตร์มาบ้าง เราจะพบว่าประวัติศาสตร์มักจะซ้ำรอยเสมอ เช่นเดียวกับการดำเนินชีวิตของเราที่มักพบกับความผิดพลาดเดิม ๆ ซ้ำแล้วซ้ำอีก แม้บางความผิดพลาดจะเป็นบทเรียนที่ลืมไม่ลงก็ตาม ชีวิตจึงไม่ต่างกับการเดินขึ้นไปบนบันไดวน ที่เราไม่รู้ว่ามันจะจบลงเมื่อไหร่ หลายครั้งเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่วนไปวนมาก็เจือปนด้วยความเศร้าโศก ความทุกข์ที่ยากจะลืมเลือน จนเราอดที่จะแอบคิดไม่ได้ว่า "โลกนี้มันบ้าจริง ๆ" 

            Mad World เป็นเพลงที่ได้รับความนิยมอย่างล้นหลาม และได้รับการนำไป Cover โดยศิลปินต่าง ๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็นเวอร์ชั่นที่โด่งดังของ แกรี จูลส์ (Gary Jules) และ ไมเคิล แอนดรูวส์ (Michael Andrews) หรือจากเรื่องซีรีย์ Riverdale นอกจากนั้นยังมีศิลปินชื่อดังอย่างวง Imagine Dragons และ แอดัม แลมเบิร์ต (Adam lambert) ที่นำเพลงนี้ไป Cover ได้อย่างยอดเยี่ยม จุดเริ่มต้นของเพลงนี้เริ่มต้นจากวง Tears for Fears ขับร้องโดย เคิร์ต สมิธ (Curt Smith) และแต่งโดย โรแลนด์ ออร์ซาบัล (Roland Orzabal) เขาได้รับแรงบัลดาลใจขณะกำลังกินพิซซ่าอยู่ที่ร้านอาหาร จากการที่เขามองสิ่งรอบข้างที่เกิดขึ้น เรื่องราว วิถีชีวิตทั้งหมด มันทำให้เขาสามารถแต่งเพลงที่มีเนื้อหาสะท้อนถึงความบ้าของโลกใบนี้ได้อย่างเรียบง่าย

Gary Jules - Mad World

เนื้อเพลงและคำแปล

All around me are familiar faces 

Worn out places, worn out faces 

Bright and early for the daily races 

Going nowhere, going nowhere

รอบ ๆ ตัวฉันมักเจอคนที่หน้าตาแบบเดิม ๆ

สถานที่โทรม ๆ ใบหน้าที่เหน็ดเหนื่อย

เช้าที่สดใสเหมาะกับการวิ่งเล่น

ไม่มีที่ไป ไม่มีที่ไป

Their tears are filling up their glasses 

No expression, no expression 

Hide my head, I wanna drown my sorrow 

No tomorrow, no tomorrow

น้ำตาไหลจนเอ่อล้นแว่นที่สวม

ไม่มีความรู้สึก ไม่มีความรู้สึก

ฉันซ้อนหลบซ้อนตัวเอง และอยู่กับความโศกเศร้า

ไม่มีวันพรุ่งนี้ ไม่มีวันพรุ่งนี้

And I find it kind of funny 

I find it kind of sad 

The dreams in which I'm dying 

Are the best I've ever had 

I find it hard to tell you 

I find it hard to take 

When people run in circles it's a very, very 

Mad world, mad world

และฉันพบว่ามันค่อนข้างจะน่าขัน

ฉันพบว่ามันค่อนข้างจะเศร้าด้วย

ในความฝันฉันกำลังจะตาย

นั้นคือสิ่งที่ดีที่สุดเท่าที่ฉันมี

ฉันพบว่ามันยากที่จะบอกกับคุณ

ฉันพบว่ามันยากที่จะจัดการ

เมื่อผู้คนต่างวิ่งเป็นวงกลม

มันมาก มากไปจริง ๆ 

เป็นโลกที่บ้าสิ้นดี บ้าสิ้นดี

Children waiting for the day they feel good 

Happy birthday, happy birthday 

And I feel the way that every child should 

Sit and listen, sit and listen

เด็ก ๆ ต่างเฝ้ารอวันที่พวกเขารู้สึกมีความสุข

สุขสันต์วันเกิด สุขสันต์วันเกิด

และฉันรู้สึกว่าเด็กคนอื่น ๆ ควรจะ

นั่งและฟัง นั่งและฟังให้ดี

Went to school and I was very nervous 

No one knew me, no one knew me 

Hello, teacher! Tell me, what's my lesson? 

Look right through me, look right through me

ต้องไปโรงเรียนและฉันรู้สึกกังวลมาก ๆ 

ไม่มีใครรู้จักฉัน ไม่มีใครรู้จักฉันเลย

สวัสดีคุณครู บอกฉันที บทเรียนของฉันคืออะไร

มองตรงมาที่ฉัน มองตรงมาที่ฉัน

And I find it kind of funny 

I find it kind of sad 

The dreams in which I'm dying 

Are the best I've ever had 

I find it hard to tell you 

I find it hard to take 

When people run in circles it's a very, very 

Mad world, mad world

และฉันพบว่ามันค่อนข้างจะน่าขัน

ฉันพบว่ามันค่อนข้างจะเศร้าด้วย

ในความฝันฉันกำลังจะตาย

นั้นคือสิ่งที่ดีที่สุดเท่าที่ฉันมี

ฉันพบว่ามันยากที่จะบอกกับคุณ

ฉันพบว่ามันยากที่จะจัดการ

เมื่อผู้คนต่างวิ่งเป็นวงกลม

มันมาก มากไปจริง ๆ 

เป็นโลกที่บ้าสิ้นดี บ้าสิ้นดี

Enlarging your world

Mad world

ขยายโลกของคุณออกไป

โลกที่บ้าสิ้นดี

วิเคราะห์เพลง

            เนื้อเพลงนี้ให้ลักษณะของความรู้สึก "เบื่อโลก" อย่างชัดเจน เป็นความรู้สึกที่เบื่อกับการวิ่งไปวิ่งมาอย่างไม่รู้จบบนโลกที่ทุกอย่างมันจำเจ ซ้ำซาก อดีตเคยเป็นมาอย่างไร ปัจจุบันก็เป็นอย่างเดิม ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย วิถีชีวิตของเราไม่เคยเปลี่ยนแปลง ความคิดที่ไร้สาระ ไม่สมเหตุสมผลทุกอย่างยังคงวิ่งวนไปเหมือนเดิม โดยเฉพาะปัญหาเดิม ๆ ก็มักจะเกิดขึ้นซ้ำ ๆ ทุกอย่างจึงกลายเป็นเรื่องน่าเบื่อและน่าเศร้าอย่างยิ่ง ซึ่งความรู้สึกนี้สามารถเกิดขึ้นได้กับเราทุกคน และกำลังเกิดขึ้นอย่างล้นหลามในปัจจุบัน

            อารมณ์แบบี้สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกสังคม เพราะแต่ละสังคมประกอบไปด้วยมนุษย์จำนวนมาก ที่มีความคิดไม่สมเหตุสมผล และใช้อารมณ์ในการดำเนินชีวิตเป็นส่วนใหญ่ นั้นจึงทำให้เราไหลไปตามกระแสสังคม ค่านิยม วัฒนธรรม โดยที่เราไม่ได้คิดพิจารณาเลยว่า "มันจำเป็นต้องเดิมตามหรือไม่" อะไรคือความถูกต้องที่แท้จริงกันแน่ จึงไม่แปลกที่เมื่อเรามองไปรอบ ๆ จะพบ "All around me are familiar faces, worn out places, worn out faces" รอบ ๆ ตัวฉันมักเจอคนที่หน้าตาแบบเดิม ๆ สถานที่โทรม ๆ ใบหน้าที่เหน็ดเหนื่อย

            ไม่เพียงแต่การไหลไปตามอารมณ์ หรือเดินตามค่านิยมอย่างไม่สมเหตุสมผลของสังคมเท่านั้น แต่ทุกตนต่างเหนื่อยล้ากับวิถีชีวิต เดินทางไปกลับจากที่ทำงานด้วยสีหน้าแววตาที่เศร้า เบื่อหน่ายกับการโดนต่อว่า และต้องทำอะไรแบบเดิมซ้ำ ๆ ซาก ๆ ความรู้สึกดังกล่าวมันทำให้เศร้า และบางครั้งเราก็ไม่อยากมีชีวิตอยู่อีกต่อไป "And I find it kind of funny, I find it kind of sad, the dreams in which I'm dying are the best I've ever had" และฉันพบว่ามันค่อนข้างจะน่าขัน ฉันพบว่ามันค่อนข้างจะเศร้าด้วย ในความฝันฉันกำลังจะตาย นั้นคือสิ่งที่ดีที่สุดเท่าที่ฉันมี 

            ความรู้สึกที่ไม่มีอยากมีชีวิตอยู่สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน ผมมักได้ฟังเรื่องราวเหล่านั้นอยู่เสมอ และพบว่ามันเกิดจากความเศร้า ความท้อแท้ และความเหนื่อยล้า มันคือการตั้งคำถามการมีอยู่ของตัวเองกับโลกใบนี้ และคิดว่าสิ่งนี้อาจสามารถเป็นทางออกได้ แน่นอนหากพวกเขาเหล่านั้นมีอาการป่วยทางจิตใจ ก็อาจจะเข้าสู่ทางออกนั้นจริง ๆ แต่สำหรับคนส่วนใหญ่สิ่งที่เขาทำก็คือการต่อสู้กับความเศร้าต่อไปเท่านั้น "find it hard to tell you, I find it hard to take when people run in circlesฉันพบว่ามันยากที่จะบอกกับคุณ ฉันพบว่ามันยากที่จะจัดการ เมื่อผู้คนต่างวิ่งเป็นวงกลม

"It's a very, very mad world" มันมาก มากไปจริง ๆ เป็นโลกที่บ้าสิ้นดี

            สิ่งที่ทำให้ผู้คนเศร้ามากที่สุดก็คือทุกอย่างที่เกิดขึ้นรอบตัวเขา แม้บางคนอาจจะคิดว่ามันเป็นเพราะกระบวนการคิด หรือเป็นเพราะผู้คนรอบตัว แต่จริง ๆ แล้วมันคือสังคมนั้นแหละ ความทุกข์ ความเศร้า หรือโรคซึมเศร้าไม่ได้ตกลงมาจากฟ้า มันเริ่มต้นจากพื้นดิน นั้นคือสังคมรอบ ๆ ตัวเรา มันจึงไม่แปลกที่เราจะรู้สึกมีความเศร้าที่เอ่อล้นตลอด เพราะสังคมมันแย่จริง ๆ ดังเนื้อเพลง "Their tears are filling up their glasses, no expression, no expression, hide my head, I wanna drown my sorrow, no tomorrow, no tomorrow" น้ำตาไหลจนเอ่อล้นแว่นที่สวม ไม่มีความรู้สึก ไม่มีความรู้สึก ฉันซ้อนหลบซ้อนตัวเอง และอยู่กับความโศกเศร้า ไม่มีวันพรุ่งนี้ ไม่มีวันพรุ่งนี้

            ดังนั้นในเมื่อความจริงของโลกมันแย่แบบนี้ และเราไม่สามารถเปลี่ยนแปลงคนรอบตัวหรือสังคมด้วยตัวคนเดียว เราต้องอาศัยความร่วมมือของคนจำนวนมากในการเปลี่ยนแปลงสังคมให้ดีขึ้น เพื่อให้ชีวิตได้ดำรงอย่างมีความหมาย ชำระประวัติศาสตร์ที่ซ้ำรอยนี้และทำให้มันไม่เกิดขึ้นอีก นอกจากนั้นเรายังต้องพยายามปรับมุมมองของตัวเองให้มองในเชิงบวกมากขึ้น โดยยังตั้งอยู่บนความเป็นจริง และไม่แปลกที่เราทุกคนจะเบื่อโลกใบนี้ เศร้าได้ ร้องไห้ได้ บางครั้งเราอาจเผลอคิดที่จะไม่อยากมีชีวิตอยู่บ้างก็ไม่เป็นไร 

ขอเข้มแข็ง มองเห็นความจริง เสริมสร้างคุณค่าในตัวเอง 
ให้ดียิ่งขึ้น และดำรงชีวิตอยู่อย่างมีความหมาย 
แม้ว่าโลกนี้มันจะชั่งบ้าสิ้นดีก็ตาม

สามารถอ่านบทความอื่นเพิ่มเติมจากลิ้ง สารบัญ 

ความคิดเห็น