วิเคราะห์และแปลเพลง Uprising - Muse

พวกเขาจะไม่มีทางลดคุณค่าเราได้ 
พวกเขาจะไม่สามารถควบคุมเราได้ 
พวกเราจะเป็นผู้ชนะ

            ตลอดประวัติศาสตร์อันยาวนานของมนุษยชาติ เต็มไปด้วยการปกครองแบบเผด็จการ ประชาธิปไตรพึ่งจะมาเกิดขึ้นในยุคหลัง ๆ เท่านั้นเอง ซึ่งมันก็กำลังเผชิญกับความท้าทายในทุกวันนี้ ไม่ว่าจะจากระบอบทุนนิยม หรือสัญชาตญาณมนุษย์ที่แสดงออกถึงอารมณ์และเต็มไปด้วยความเห็นแก่ตัว การปกครองแบบยุติธรรม และเท่าเทียมแม้จะเป็นหนทางที่ถูกต้อง แต่ก็เป็นเรื่องยากที่จะเกิดขึ้นได้ บางทีอาจจะถึงเวลาแล้วที่คนรุ่นใหม่ที่เกิดมาในยุคแห่งข้อมูลมหาศาลจะมาเปลี่ยนแปลง สร้างความยุติธรรมและเท่าเทียมให้เกิดขึ้นได้เสียที

            เพลง Uprising เป็นเพลงของวง Muse วงดนตรีร๊อคชื่อดังของประเทศอังกฤษ เจ้าของรางวัลมากมาย หลายเพลงของ Muse ผสมผสานด้วยดนตรีหลากหลายรูปแบบอัลเทอร์เนทีฟร็อก ดนตรีคลาสสิก อีเล็คทรอนิก้า เฮฟวี่เมทัล สแปนิชกีต้าร์ และโพรเกรสซีฟร็อก วงนี้ประกอบด้วย แมทธิว เบลลามี่ (Matthew Bellamy) คริสโตเฟอร์ โวลสเต็นโฮล์ม (Christopher Wolstenholme) และดอมมินิค ฮอเวิร์ด (Dominic Howard) ซึ่งเพลง Uprising นี้มีเนื้อหาที่ชวนฮึกเหิม ให้ปฏิวัติและต่อสู้กับความเชื่อ ค่านิยมแบบเผด็จการที่กำลังดำเนินไปในทิศทางที่ผิดพลาดอย่างร้ายแรง

Muse - Uprising

เนื้อเพลงและคำแปล

Paranoia is in bloom 

The PR transmissions will resume 

They'll try to push drugs that keep us all dumbed down 

And hope that we will never see the truth around 

(So come on)

ความหวาดระแรงเริ่มก่อตัวขึ้น

การโฆษณาชวนเชื่อกำลังถ่ายทอดสัญญาณ

พวกเขากำลังพยายามจะยัดยาให้เรากลายเป็นโง่ต่อไป

และหวังว่าเราจะไม่มีทางมองเห็นความจริง (ตาสว่าง) ที่เกิดขึ้นรอบ ๆ ตัว

(ดังนั้น มาเถอะ)

Another promise, another seed 

Another packaged lie to keep us trapped in greed 

And all the green belts wrapped around our minds 

And endless red tape to keep the truth confined 

(So come on)

อีกหนึ่งคำสัญญา อีกหนึ่งเมล็ดพันธุ์

อีกหนึ่งคำโกหกที่มาเป็นชุดที่ทำให้เราติดอยู่ในความโลภ

และทั้งหมดนั้นเป็นเหมือนเข็มขัดเขียวที่รัดความคิดของเราเอาไว้

และเทปสีแดงที่ปกปิดความจริงเอาไว้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด

(ดังนั้น มาเถอะ)

They will not force us 

They will stop degrading us 

They will not control us 

We will be victorious 

(So come on)

พวกเขาจะไม่มีทางบังคับเราได้

พวกเขาจะไม่มีทางลดคุณค่าเราได้

พวกเขาจะไม่สามารถควบคุมเราได้

พวกเราจะเป็นผู้ชนะ

(ดังนั้น มาเถอะ)

Interchanging mind control 

Come, let the revolution take its toll 

If you could flick the switch and open your third eye 

You'd see that we should never be afraid to die 

(So come on)

สับเปลี่ยนจิตใจที่ถูกควบคุม

มาเถอะ มาเข้าร่วมการปฏิวัติ

หากทำได้นะ กดสวิตช์แล้วเบิกเนตรที่สามออกมา

แล้วคุณจะเห็นบางสิ่ง ที่ทำให้เราไม่กลัวความตาย

(ดังนั้น มาเถอะ)

Rise up and take the power back 

It's time the fat cats had a heart attack 

You know that their time is coming to an end 

We have to unify and watch our flag ascend 

(So come on)

จงยืนขึ้นแล้วยึดเอาอำนาจกลับคืนมา

มันถึงเวลาแล้วที่พวกแมวอ้วนจะต้องหัวใจวาย

คุณรู้ใช่มั้ย เวลาของพวกมันมาถึงจุดจบแล้ว

เราจะต้องรวมกันเป็นหนึ่ง และคอยมองธงที่ขึ้นไปสู่ยอดเสา

(ดังนั้น มาเถอะ)

They will not force us 

They will stop degrading us 

They will not control us 

We will be victorious 

(So come on)

พวกเขาจะไม่มีทางบังคับเราได้

พวกเขาจะไม่มีทางลดคุณค่าเราได้

พวกเขาจะไม่สามารถควบคุมเราได้

พวกเราจะเป็นผู้ชนะ

(ดังนั้น มาเถอะ)

They will not force us 

They will stop degrading us 

They will not control us 

We will be victorious 

(So come on)

พวกเขาจะไม่มีทางบังคับเราได้

พวกเขาจะไม่มีทางลดคุณค่าเราได้

พวกเขาจะไม่สามารถควบคุมเราได้

พวกเราจะเป็นผู้ชนะ

(ดังนั้น มาเถอะ)

วิเคราะห์เพลง

            เพลงนี้มีเนื้อหาโดยส่วนใหญ่เป็นการต่อสู้กับอำนาจบางอย่างที่เข้ามาปิดหูปิดตาปิดความจริง เป็นอำนาจเผด็จการที่ควบคุมและออกคำสั่ง ซึ่งอาจหมายถึงการปกครอง ระบอบทุนนิยม ค่านิยม ชาตินิยม รวมไปถึงวัฒนธรรม ก็ได้เช่นเดียวกัน เพราะทั้งหมดคือโครงสร้างความคิดบางอย่างมันหล่อหลอมและควบคุมเรา บางครั้งมันควบคุมอย่างไม่เจตนา เช่น ค่านิยมการแข่งขัน การเอาชนะ ค่านิยมของการทำงานหนักโดยห้ามแสดงความคิดเห็น ค่านิยมชายเป็นใหญ่ ค่านิยมผู้ใหญ่ถูกเสมอ ไปจนถึงอำนาจเผด็จการโง่เขลาที่ควบคุมการเมืองการปกครองในแต่ละประเทศ

            ทุกค่านิยม การปกครอง ระบอบทุนนิยม รวมไปถึงศาสนามันเป็นความเชื่อที่หล่อหลอมเข้าไปในชีวิตความเป็นอยู่ ซึ่งมันบ่มเพราะจากการประชาสัมพันธ์ หรือโฆษณาชวนเชื่อ "Paranoia is in bloom, the PR transmissions will resume, they'll try to push drugs that keep us all dumbed down" ความหวาดระแรงเริ่มก่อตัวขึ้น การโฆษณาชวนเชื่อกำลังถ่ายทอดสัญญาณ พวกเขากำลังพยายามจะยัดยาให้เรากลายเป็นโง่ต่อไป ซึ่งสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นแบบเจตนาบ้าง ไม่เจตนาบ้าง ปากต่อปากบ้าง หรือบอกผ่านสื่อต่าง ๆ โดยตรง แต่โดยส่วนใหญ่แล้ว ค่านิยมเหล่านี้ล้วนปราถนาการเดินตามแบบไม่ใช้หัวคิด 

            สังคมส่วนใหญ่บนโลกของเราปฏิเสธความคิดที่หลากหลาย ต้องการควบคุม เราไม่สามารถแต่งตัวตามสบายหรือทำสีผมที่ชอบเวลาอยู่ที่โรงเรียนได้ กล่าวคือเราไม่สามารถเป็นตัวเองได้อย่างแท้จริงในสังคมที่ค่านิยมต่าง ๆ มันหล่อหลอมเราขึ้นมา ไม่ว่าจะเป็นค่านิยมผู้ใหญ่อาบน้ำร้อนมาก่อน ระเบียบวินัย การเดินตามกัน ทั้งหมดล้วนทำให้เราโง่ลงไปเรื่อย ๆ และพวกชนชั้นนำในสังคมก็ล้วนไม่อยากให้เราตาสว่างขึ้นมาเห็นความจริงดังเนื้อเพลง "And hope that we will never see the truth around" และหวังว่าเราจะไม่มีทางมองเห็นความจริง (ตาสว่าง) ที่เกิดขึ้นรอบ ๆ ตัว 

เพราะว่าบุคคลที่ตาสว่าง เป็นกลุ่มคนจำพวกที่ปกครองได้ยากมากที่สุด

            เพลงนี้จึงเป็นเพลงที่เชิญชวนให้เรามองเห็นความจริงที่เกิดขึ้น ข้อมูลขยะต่าง ๆ ที่ชนชั้นนำ รัฐ และกลุ่มทุน รวมไปถึงบุคคลโง่เขลาพยายามยัดเยียดให้กับเรา ดังนั้นเราควรจะลุกขึ้นมาเปลี่ยนแปลงคำลวงเหล่านี้ ฉีกมันออกเพื่อให้เห็นความเป็นจริงที่อยู่ข้างใน ดังเนื้อเพลง "Come, let the revolution take its tol, if you could flick the switch and open your third eye, you'd see that we should never be afraid to die" มาเถอะ มาเข้าร่วมการปฏิวัติ หากทำได้นะ กดสวิตช์แล้วเบิกเนตรที่สามออกมา แล้วคุณจะเห็นบางสิ่ง ที่ทำให้เราไม่กลัวความตาย ซึ่งหมายถึงการเปิดดวงตาพิเศษที่ไม่เจือปนไปด้วยความเชื่อที่ปลูกฝังกันมา เป็นดวงตาบริสุทธิ์ที่มองเห็นความจริงที่เกิดขึ้น และเมื่อมันเปิดขึ้น ก็จะเป็นไปได้ยากที่จะปิดมันลงอีกครั้งหนึ่ง

            เมื่อเราเปิดตาที่มองเห็นความเป็นจริงแล้ว เราจะพบว่าสิ่งรอบ ๆ ตัวที่เกิดขึ้นมันไม่ยุติธรรมอย่างมาก กลุ่มทุนใหญ่ได้สิทธิพิเศษมากมาย สังคมเกิดความเหลื่อมล้ำซึ่งจะส่งผลถึงสุขภาพจิตอย่างร้ายแรงในอนาคต ดังนั้น "It's time the fat cats had a heart attack, you know that their time is coming to an endจงยืนขึ้นแล้วยึดเอาอำนาจกลับคืนมา มันถึงเวลาแล้วที่พวกแมวอ้วนจะต้องหัวใจวาย คุณรู้ใช่มั้ย เวลาของพวกมันมาถึงจุดจบแล้ว ซึ่งเราจะต้องอาศัยความร่วมมือซึ่งกันและกัน "we have to unify and watch our flag ascend" เราจะต้องรวมกันเป็นหนึ่ง และคอยมองธงที่ขึ้นไปสู่ยอดเสา

อย่างไรก็ตามแม้จะเป็นเรื่องของปัจเจกบุคคลที่ต้องเผชิญหน้ากับความจริงด้วยดวงตาที่สว่างมากขึ้น แต่การต่อสู้กับอำนาจนำและเมทริกซ์ (ภาพหลอนที่คนจำนวนมากเห็นตรงกัน) จำเป็นต้องใช้คนจำนวนมากร่วมมือกันต่อต้านเพื่อรักษาศักดิ์ศรีและคุณค่าในตัวของมนุษย์ทุกคนเอาไว้ "They will stop degrading us, they will not control us, we will be victoriousพวกเขาจะไม่มีทางลดคุณค่าเราได้ พวกเขาจะไม่สามารถควบคุมเราได้ พวกเราจะเป็นผู้ชนะ ซึ่งหากเราค้นพบวิธีการต่อต้านที่มีประสิทธิภาพในแต่ละบริบทได้ 

เราก็จะสามารถเปลี่ยนแปลงสังคมและเชิดชู 
คุณค่าของมนุษย์ทุกคนให้เจริญงอกงามต่อไป 
"So come on" ดังนั้น มาเถอะ

สามารถอ่านบทความอื่นเพิ่มเติมจากลิ้ง สารบัญ 

ความคิดเห็น