เราค่อย ๆ มองดูตัวตนที่อ่อนวัยไร้เดียวสานั้น
จมลงสู่ใต้น้ำไปเรื่อย ๆ แล้วค่อย ๆ เปลี่ยนไป
ผมคิดว่าทุกท่านเคยฟังเพลงที่แม้จะเข้าใจคำแปล แต่ยากที่จะเข้าใจความหมายได้อย่างชัดเจน เพลงบางเพลงต้องใช้การตีความ ลึกซึ้งบ้างไม่ลึกซึ้งบ้าง อย่างไรก็ตามมันเป็นเสน่ห์ของการฟังเพลง ซึ่งเพลง Wave ของ ดีน ลูวิส (Dean Lewis) ก็เป็นอีกเพลงหนึ่งที่ต้องใช้การตีความพอสมควร ครั้งแรกที่ผมฟังเพลงนี้ผมสัมผัสได้ถึงอารมณ์หนาวเย็น และอบอุ่น เป็นความรู้สึกพิเศษทำให้รู้สึกชอบขึ้นมา ซึ่งหลังจากที่ได้ฟังเพลงแบบตั้งใจแล้ว ก็ไม่รู้สึกแปลกใจเลยที่ชอบ
เนื้อเพลงและคำแปล
There is a swelling storm
And I'm caught up in the middle of it all
And it takes control
Of the person that I thought I was
The boy I used to know
นั้นเป็นพายุที่รุนแรง
และฉันสามารถจับตรงใจกลางของมันได้
และมันก็ได้ถูกควบคุม
โดยคนที่ฉันคิดว่าฉันเคยเป็น
In the dark, and I feel its warmth
In my hands and my heart
Why can't I hold on?
แต่มันมีแสงไฟ
ในความมืด และฉันรู้สึกถึงความอบอุ่นของมัน
ความอบอุ่นที่อยู่ในมือของฉัน และในหัวใจของฉัน
It always does, always does
We watch as our young hearts fade
Into the flood, into the flood
มันเข้ามาแล้วออกไปเหมือนกับคลื่นทะเล
มันมักจะเป็นแบบนั้น มันมักจะเป็นแบบนั้น
เรามองดูหัวใจที่อ่อนวัยของเราจางหายไป
A feeling I thought was set in stone
It slips through my fingers
I'm trying hard to let go
It comes and goes in waves
It comes and goes in waves
And carries us away
อิสระที่ร่วงหล่นหาย
ความรู้สึกที่ฉันคิดว่าทุกสิ่งทุกอย่างมันแน่นอนแล้ว
มันได้หลุดออกจากนิ้วมือของฉัน
ฉันพยายายามอย่างหนักเพื่อจะปล่อยวาง
มันมาและไปเหมือนกับคลื่น
มันมาและไปเหมือนกับคลื่น
Down to the place we used to lay when we were kids
Memories of a stolen place
Caught in the silence
An echo lost in space
ผ่านสายลม
ไปยังสถานที่ที่เราเคยนอนลงเมื่อครั้งยังเป็นเด็ก
ความทรงจำในสถานที่ที่ถูกขโมยไป
ติดอยู่กับความเงียบงัน
It always does, it always does
We watch as our young hearts fade
Into the flood, into the flood
มันเข้ามาแล้วออกไปเหมือนกับคลื่นทะเล
มันมักจะเป็นแบบนั้น มันมักจะเป็นแบบนั้น
เรามองดูหัวใจที่อ่อนวัยของเราจางหายไป
A feeling I thought was set in stone
It slips through my fingers
I'm trying hard to let go
It comes and goes in waves
It comes and goes in waves
And carries us away
อิสระที่ร่วงหล่นหายไป
ความรู้สึกที่ฉันคิดว่าทุกสิ่งทุกอย่างมันแน่นอนแล้ว
มันได้หลุดออกจากนิ้วมือของฉัน
ฉันพยายายามอย่างหนักเพื่อจะปล่อยวาง
มันมาและไปเหมือนกับคลื่น
มันมาและไปเหมือนกับคลื่น
Disappear in front of my eyes
Moments of magic and wonder
It seems so hard to find
Is it ever coming back again?
Is it ever coming back again?
Take me back to the feeling when
Everything was left to find
ฉันจ้องมองกลับไปเมื่อครั้งยังเยาว์วัย
ได้จางหายไปต่อหน้าต่อตา
ช่วงเวลาที่แสนวิเศษราวของมีเวทมนต์
มันเหมือนกับว่ายากมากที่จะพามันกลับมา
มันจะกลับมาอีกครั้งหรือไม่นะ
มันจะกลับมาอีกครั้งหรือไม่นะ
พาฉันกลับไปยังเมื่อครั้งยังมีความรู้สึก
It always does, oh it always does
มันเข้ามาแล้วออกไปเหมือนกับคลื่นทะเล
A feeling I thought was set in stone
It slips through my fingers
I'm trying hard to let go
It comes and goes in waves
It comes and goes in waves
And carries us away
อิสระที่ร่วงหล่นหายไป
ความรู้สึกที่ฉันคิดว่าทุกสิ่งทุกอย่างมันแน่นอนแล้ว
มันได้หลุดออกจากนิ้วมือของฉัน
ฉันพยายายามอย่างหนักเพื่อจะปล่อยวาง
มันมาและไปเหมือนกับคลื่น
มันมาและไปเหมือนกับคลื่น
จากการตีความเนื้อหาทั้งหมด เพลงนี้แสดงถึงความรู้สึกแตกต่างกับเมื่อในอดีต ที่ตัวตนของเราเริ่มเปลี่ยนแปลงไปเรื่อย ๆ ในขณะที่ตัวตนในอดีตที่ไร้เดียงสา อ่อนวัย และมีความสุข ค่อย ๆ จางหายไป ครั้งหนึ่งเรามีความสุขกับสถานที่บางแห่งอย่างมาก เหมือนกับเด็กน้อยที่ได้เข้าไปเล่นในสวนสนุก ครั้งที่ได้ลิ้มรสชาติของความอร่อย ความหวานของไอศกรีม โลกนี้ชั่งมีความสุขและมีอิสระเสียเหลือเกิน
เหมือนกับท่อน "A feeling I thought was set in stone, It slips through my fingers" ความรู้สึกที่ฉันคิดว่าทุกสิ่งทุกอย่างมันแน่นอนแล้ว มันได้หลุดออกจากนิ้วมือของฉัน "I'm trying hard to let go" ฉันพยายายามอย่างหนักเพื่อจะปล่อยวาง เพราะว่ามันยากที่จะกลับคืนมา "It comes and goes in waves, It always does, always does" ความรู้สึกที่แสนวิเศษนั้นมันเคยเข้ามาแล้วมันก็ออกไป เหมือนกับคลื่นในทะเล
ความจริงมันมักจะเป็นแบบนั้นแหละ
ครั้งหนึ่งเราเคยคิดว่าตัวเราสามารถควบคุมได้ทุกอย่าง เป็นช่วงเวลาที่อบอุ่นและมีความสุข แต่ความรู้สึกดังกล่าวไม่นานก็จางหายไป เราคว้ามันเอาไว้ไม่ได้ เราค่อย ๆ มองดูตัวตนที่อ่อนวัยไร้เดียวสานั้น จมลงสู่ใต้น้ำไปเรื่อย ๆ แล้วค่อย ๆ เปลี่ยนไปเป็นตัวตนที่จำเป็นต้องทำตามขนบประเพณี วัฒนธรรม ค่านิยม ตัวตนของเราที่จมไปในน้ำ ค่อย ๆ หายลับตาไปตามคลื่นที่ซัดออกไป
ในปัจจุบันที่เรามีอิสระน้อยลงเรื่อย ๆ และต้องก้มหน้าก้มตาดำเนินชีวิตที่เต็มไปด้วยทุกข์และสุขบ้าง เราเฝ้าถามหาความรู้สึกเมื่อครั้งยังเยาว์วัย ความรู้สึกที่มีอิสระและมีความสุขราวกับเวทมนต์นั้น มันจะกลับมาอีกครั้งหรือไม่ ความรู้สึกที่เราควบคุมทุกอย่างได้ ความรู้สึกที่เราคิดว่ามันแน่นอน ทุก ๆ อย่างต่างหมุนรอบตัวเราเมื่อครั้งที่ยังเป็นเด็ก มันจะกลับมาอีกครั้งหรือไม่นะ นั้นเป็นคำถามที่บทเพลงเฝ้าถาม
ตามทฤษฎีพัฒนาการของเพียเจต์ (Jean Piaget) นักจิตวิทยาชาวสวิสเซอร์แลนด์ ได้อธิบายว่าครั้งหนึ่งช่วงอายุประมาณ 3 - 5 ขวบ เรายึดทุกอย่างเป็นศูนย์กลางเรียกว่า Egocentric ซึ่งในมุมของจิตวิทยาสายจิตวิเคราะห์มองว่าเราทุกคนอยากจะกลับไปเมื่อครั้งที่เราเคยรู้สึกว่าควบคุมทุกสิ่งทุกอย่างได้แบบนั้น ช่วงเวลาที่เรารักตัวเองอย่างมาก ทุก ๆ อย่างมันช่างง่ายดายเหลือเกิน แม้ในบทเพลงนี้อาจจะไม่ได้พูดถึงอดีตที่ไกลขนาดนั้นก็ตาม แต่มันก็สามารถตีความได้เพิ่มเติม ในบทเพลงอาจจะพูดเพียงแค่ว่า
เราเคยรู้สึกมีความสุขกับบางสิ่งหรือบางสถานที่
ซึ่งในปัจจุบันเราไม่ได้รู้สึกแบบนั้นอีกแล้ว
แล้วเราอยากจะรู้สึกแบบนั้นอีกครั้งหนึ่ง
มันจะเป็นไปได้หรือไม่นะ
สามารถอ่านบทความอื่นเพิ่มเติมจากลิ้ง สารบัญ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น