"ขาข้างหนึ่งเข้าไป แต่อีกครั้งอยู่อีกฝั่ง ฉันติดอยู่ในทางสองแพร่ง ฉันจะไปทางไหนดี"
Borderline (เส้นแบ่งเขตหรือทางสองแพร่ง) เป็นชื่อเพลงที่สอดประสานไปกับเนื้อหาของเพลงอย่างลงตัว เราทุกคนมักจะคิดว่าเมื่อถึงทางตันจะต้องมีเส้นทางที่พาเราออกไปได้เสมอ แต่ในความเป็นจริงแล้วมันไม่ใช่แบบนั้นเสมอไป เพราะในบางครั้งคนเรามักจะพบกับเส้นทางสองแพร่งที่อาจนำเราไปสู่ทางตันทั้งหมด จนเราแทบจะมองไม่ออกเลยว่าเราควรจะเดินไปทางไหนดี ซึ่งบทเพลงนี้ถ่ายทอดความเศร้า สับสนออกมาได้อย่างชัดเจนบวกกับดนตรีและเสียงร้องอันวิเศษของเอ็ด ทำให้บทเพลงนี้งดงามราวกับเวทมนต์
เนื้อเพลงและคำแปล
Sadness always finds an in
Sneaks it's way past, infecting everything
And every chapter has an end
But this is one momentous sequel, don’t you think?
ความโศกเศร้าไหลผ่านเข้ามา
ค่อย ๆ ย่องเข้ามาจนติดเชื้อไปทั่วร่างกาย
และทุกบทก็ย่อมมีวันจบสิ้น
Like a frown on the skyline
และนกสีดำ พวกมันต่างบิน
Right now, I feel I’m running from the light
Engulfed in darkness
Sharing my eyes
One foot in, one out, I'm stuck on the borderline
Which way will I
ตอนนี้ ฉันรู้สึกเหมือนกับกำลังวิ่งออกจากแสงสว่าง
จมอยู่กับความมืดมิด
ที่ปกป้องดวงตาของฉัน
ขาข้างหนึ่งเข้าไป แต่อีกข้างอยู่อีกฝั่ง
ฉันติดอยู่บนทางสองแพร่ง
Guess I should take this on the chin
But I don't even know how all of this began
And we are made to mould and bend
How can I wish for nothing when it's still the same?
เดาว่าฉันควรจะเผชิญหน้าอย่างกล้าหาญ
แต่ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าทั้งหมดนี้จะต้องเริ่มต้นอย่างไร
และเราถูกสร้างมาให้ปั้นแต่งและดันง่าย
Engulfed in darkness
Sharing my eyes
One foot in, one out, I'm stuck on the borderline
Which way will I
ตอนนี้ ฉันรู้สึกเหมือนกับกำลังวิ่งออกจากแสงสว่าง
จมอยู่กับความมืดมิด
ที่ปกป้องดวงตาของฉัน
ขาข้างหนึ่งเข้าไป แต่อีกข้างอยู่อีกฝั่ง
ฉันติดอยู่บนทางสองแพร่ง
Tears never arrive
These ducts are dry
We are so blind waiting on the borderline
Waiting on the borderline
น้ำตาไม่เคยหลั่งไหลออกมา
จนมันแห้งเหือด
พวกเราไม่ต่างอะไรกับคนตาบอดที่กำลังยืนอยู่บนทางสองแพร่ง
So I will pour another drink
And try to drown the pain with salt along the rim
And I'll shut off the things I think
'Cause nothing good will ever come from worrying
ดังนั้นฉันจะรินเหล้าเพิ่ม
และกลบความเจ็บปวดด้วยเกลือตามขอบแก้ว
และฉันจะปิดความคิดทุกอย่าง
Engulfed in darkness
Sharing my eyes
One foot in, one out, I'm stuck on the borderline
Which way will I
ตอนนี้ ฉันรู้สึกเหมือนกับกำลังวิ่งออกจากแสงสว่าง
จมอยู่กับความมืดมิด
ที่ปกป้องดวงตาของฉัน
ขาข้างหนึ่งเข้าไป แต่อีกข้างอยู่อีกฝั่ง
ฉันติดอยู่บนทางสองแพร่ง
Tears never arrive
These ducts are dry
We are so blind
น้ำตาไม่เคยหลั่งไหลออกมา
จนมันแห้งเหือด
วิเคราะห์เพลง
ในความเห็นของผมเพลงนี้ถือว่าเป็นอีกหนึ่งเพลงที่ครบเครื่องทั้งดนตรี เสียงร้อง และเนื้อหา เอ็ดทำเพลงนี้ออกมาได้แสนวิเศษ แต่สิ่งที่ผมชอบจริง ๆ ก็ยังคงเป็นเนื้อเพลงที่สะท้อนถึงความจริงแท้ในชีวิต ที่เราทุกคนล้วนยืนอยู่บนทางสองแพร่ง ซึ่งเราไม่สามารถรู้ได้เลยว่าเส้นทางไหนจะเป็นทางออกจากความทุกข์ เส้นทางไหนที่จะนำเราไปสู่ทางแก้ปัญหา หรือเส้นทางไหนที่จะนำเราไปสู่ความสุข
แม้บทเพลงนี้จะเริ่มต้นด้วยความโศกเศร้า "ความโศกเศร้าไหลผ่านเข้ามา ค่อย ๆ ย่องเข้ามาจนติดเชื้อไปทั่วร่างกาย และทุกบทก็ย่อมมีวันจบสิ้น แต่นี่คือภาคต่อที่สำคัญ คุณคิดแบบนั้นมั้ย" (Sadness always finds an in sneaks it's way past, infecting everything and every chapter has an end, but this is one momentous sequel, don’t you think?) แต่ก็ไม่ใช่จุดสิ้นสุดเสมอไป
เพราะมันมีเส้นทางที่เราจะต้องตัดสินใจ เพียงแต่เส้นทางไหนคือเส้นทางที่ถูกต้องกันแน่ ซึ่งมันก็ไม่ได้หมายความว่าจะมีเส้นทางใดเส้นทางหนึ่งที่ถูกต้อง หรือเส้นทางใดที่จะคลี่คลายปัญหาเสมอไป เพราะทุกเส้นทางที่เราเลือกสามารถนำเราไปสู่ความโศกเศร้าที่ยิ่งขึ้นไปก็ได้เช่นเดียวกัน "ขาข้างหนึ่งเข้าไป แต่อีกข้างอยู่อีกฝั่ง ฉันติดอยู่บนทางสองแพร่ง ฉันจะไปทางไหนดี" (We are so blind waiting on the borderline, waiting on the borderline)
อย่างไรก็ตามผมมองว่าบทเพลงนี้สามารถปลอบประโลมเราในท่อน "ดังนั้นฉันจะรินเหล้าเพิ่ม และกลบความเจ็บปวดด้วยเกลือตามขอบแก้ว และฉันจะปิดความคิดทุกอย่าง เพราะมันไม่มีประโยชน์อะไรที่จะต้องมานั่งกังวล" (So I will pour another drink and try to drown the pain with salt along the rim and I'll shut off the things I think, 'Cause nothing good will ever come from worrying) ในเมื่อทุกเส้นทางที่เราจะต้องเลือกมันอาจจะไม่มีทางออกที่ดีสักเส้น
ดังนั้นเราจะมัวแต่นั่งคิดมากไปทำไม จริงมั้ยครับ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น