การพัฒนาวิชาชีพครูสู่มาตรฐานคุณภาพด้วยทัศนคติแห่งการเรียนรู้ตลอดชีวิต (Lifelong learning)

หัวใจสำคัญคือ การสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเรียนรู้ตลอดชีวิต เพื่อทำให้ครูสามารถปรับตัวและสร้างสรรค์การเรียนการสอนที่มีคุณภาพในยุคปัจจุบัน

            ทุกประเทศต่างตระหนักด้วยกันทั้งสิ้นว่า การพัฒนาวิชาชีพครูเป็นหัวใจสำคัญของการยกระดับคุณภาพการศึกษา เพราะครูเป็นบุคคลที่มีบทบาทสำคัญในการสร้างแรงบันดาลใจและการเรียนรู้ของนักเรียน พวกเราต่างทราบกันดีไม่ว่าจะยุคสมัยใดก็ตาม แต่สิ่งที่แตกต่างก็คือในปัจจุบันโลกเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วด้วยเทคโนโลยี ซึ่งไม่ได้เปลี่ยนแค่ความสะดวกสบายเท่านั้น แต่การเปลี่ยนแปลงนี้กระทบไปถึงพฤติกรรมในการดำรงชีวิต รวมไปถึงพฤติกรรมในการเรียนรู้

            พฤติกรรมในการเรียนรู้ของนักเรียนในปัจจุบันไปเปลี่ยนแปลงโดยการที่ พวกเขาสามารถค้นหาข้อมูลด้วยตนเองและมีการเรียนรู้ที่เน้นการทำงานร่วมกันผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ อย่างไรก็ตาม การมีสมาธิที่สั้นลงจากการใช้อุปกรณ์ดิจิทัลบ่อยครั้ง และความต้องการเรียนรู้แบบทันทีทันใด (Instant Gratification) ทำให้ครูต้องปรับวิธีการสอนให้สอดคล้องกับรูปแบบการเรียนรู้ใหม่ โดยเน้นการใช้สื่อที่หลากหลายและการสร้างประสบการณ์การเรียนรู้ที่มีส่วนร่วมมากขึ้น

            ด้วยเหตุนี้การที่ครูเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ อยู่เสมอจึงเป็นสิ่งที่สำคัญมากกว่าในอดีต ซึ่งเป็นหนึ่งในทักษะแห่งศวรรษที่ 21 ที่มองว่าสำคัญไม่แพ้ความยืดหยุ่นทางจิตใจ (Resilience) คือการเรียนรู้ตลอดชีวิต (Lifelong Learning) หมายถึง กระบวนการที่บุคคลมีความมุ่งมั่นและเปิดรับการเรียนรู้ใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่องตลอดชีวิต ไม่จำกัดเฉพาะในระบบการศึกษาแต่รวมถึงการเรียนรู้จากประสบการณ์ในชีวิตประจำวัน การฝึกอบรม หรือการพัฒนาทักษะต่าง ๆ 

            การเรียนรู้ตลอดชีวิตช่วยให้บุคคลสามารถปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงในสังคม เทคโนโลยี และวิชาชีพได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งเสริมการพัฒนาตนเองและความสามารถในการเผชิญกับความท้าทายใหม่ ๆ ทั้งในชีวิตส่วนตัวและการทำงาน ซึ่งสำหรับผมแล้วการเรียนรู้ตลอดชีวิตคือทักษะ แต่สิ่งสำคัญก็คือเราจะต้องมีทัศนคติที่พร้อมจะเรียนรู้ตลอดชีวิตเสียก่อน ผมเรียกสิ่งนี้ว่า "ทัศนคติแห่งการเรียนรู้ตลอดชีวิต"

            ทัศนคติแห่งการเรียนรู้ตลอดชีวิต คือแนวคิดและความเชื่อที่ว่าการเรียนรู้ไม่ควรหยุดเพียงแค่ในวัยเรียนหรือในระบบการศึกษา แต่ควรเป็นกระบวนการที่ต่อเนื่องตลอดชีวิต บุคคลที่มีทัศนคตินี้จะมีความกระตือรือร้นในการพัฒนาตนเองอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นการเรียนรู้ทักษะใหม่ ๆ การปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลง หรือการเปิดรับประสบการณ์ใหม่ ๆ

            ด้วยเหตุนี้การมีทัศนคติแห่งการเรียนรู้ตลอดชีวิตจึงเป็นปัจจัยสำคัญในการพัฒนาครูให้พร้อมต่อการเปลี่ยนแปลงและความท้าทายในสังคมและเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว (Schleicher, 2018) การเรียนรู้ตลอดชีวิตช่วยให้ครูมีความกระตือรือร้นในการพัฒนาความสามารถของตนเองอย่างต่อเนื่อง และสามารถปรับตัวให้ทันกับแนวโน้มการศึกษาใหม่ ๆ ได้ (Desimone, 2009)

ความสำคัญของการเรียนรู้ตลอดชีวิตในวิชาชีพครู

            อย่างที่ผมได้กล่าวไว้ข้างต้น การเรียนรู้ตลอดชีวิตช่วยให้บุคคลสามารถปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงในสังคม เทคโนโลยี และวิชาชีพได้อย่างมีประสิทธิภาพ และหากครูมีทักษะนี้ก็จะเสริมสร้างความเชี่ยวชาญและความสามารถของครูอย่างต่อเนื่อง การวิจัยพบว่าครูที่มีทัศนคติแห่งการเรียนรู้ตลอดชีวิตมีแนวโน้มที่จะปรับตัวเข้ากับวิธีการสอนใหม่ ๆ และสามารถนำความรู้ที่ทันสมัยมาใช้ในการเรียนการสอนได้อย่างมีประสิทธิภาพ (Opfer & Pedder, 2011) 

 ทัศนคติแห่งการเรียนรู้ตลอดชีวิต คือความเชื่อที่ว่าการเรียนรู้คือกระบวนการที่ต่อเนื่องตลอดชีวิต

            การเรียนรู้ตลอดชีวิตยังส่งเสริมให้ครูมีความสามารถในการแก้ไขปัญหาที่ซับซ้อนและพัฒนาวิธีการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง เพราะเมื่อครูมีการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง พวกเขาจะได้พัฒนาทักษะการคิดวิเคราะห์และการแก้ปัญหา ซึ่งเป็นทักษะสำคัญในการรับมือกับความท้าทายที่หลากหลายในการสอน 

            ครูที่มีทัศนคติแห่งการเรียนรู้ตลอดชีวิตจะเปิดรับแนวคิดใหม่ ๆ และเทคนิคการสอนที่ทันสมัย เช่น การสอนแบบผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง ที่มุ่งเน้นให้ความสำคัญกับความต้องการและความสนใจของนักเรียนแต่ละคน การเรียนรู้เชิงลึกเกี่ยวกับวิธีการสอนเหล่านี้ช่วยให้ครูสามารถปรับปรุงการสอนให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ตอบสนองต่อความหลากหลายของนักเรียน และสร้างสภาพแวดล้อมการเรียนรู้ที่สนับสนุนการพัฒนาทักษะที่สำคัญของนักเรียน (Avalos, 2011)

            การพัฒนาวิชาชีพครูผ่านการเรียนรู้ตลอดชีวิตเกี่ยวข้องกับการสร้างสรรค์การสอนที่มีคุณภาพและการสนับสนุนการเรียนรู้ของนักเรียนอย่างเป็นระบบ เพราะการเรียนรู้ตลอดชีวิตช่วยให้ครูมีความสามารถในการปรับตัวและนำเอาวิธีการสอนใหม่ ๆ มาประยุกต์ใช้ในการจัดการเรียนการสอน ซึ่งเป็นการเสริมสร้างการสอนที่มีคุณภาพ ครูที่เรียนรู้อย่างต่อเนื่องจะมีความรู้ที่ทันสมัยและทักษะที่พัฒนาอยู่ตลอดเวลา ทำให้สามารถออกแบบการเรียนการสอนที่ตอบสนองต่อความต้องการของนักเรียนได้อย่างมีประสิทธิภาพ 

            นอกจากนี้ การพัฒนาวิชาชีพครูที่เน้นการเรียนรู้ตลอดชีวิตยังช่วยให้ครูมีความสามารถในการวางแผนและสนับสนุนการเรียนรู้ของนักเรียนอย่างเป็นระบบ โดยใช้ข้อมูลย้อนกลับ (Feedback) และการประเมินผลเพื่อปรับปรุงการสอนอย่างต่อเนื่อง ซึ่งส่งผลให้นักเรียนได้รับประสบการณ์การเรียนรู้ที่มีคุณภาพมากขึ้น (Darling-Hammond et al., 2017)

            ไม่เพียงแค่การเปิดรับแนวคิดใหม่ ๆ กระบวนการสอนใหม่ ๆ  หรือความคิดสร้างสรรค์ การพัฒนาทักษะของครูโดยเน้นการเรียนรู้ตลอดชีวิตสามารถยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนได้อย่างชัดเจนอีกด้วยเพราะเมื่อครูมีทัศนคติที่พร้อมจะเรียนรู้อยู่เสมอ ครูจะมีความสามารถในการนำวิธีการสอนที่ทันสมัยและเหมาะสมกับนักเรียนมาใช้ รวมถึงการปรับตัวและปรับปรุงแนวทางการสอนให้สอดคล้องกับความต้องการของนักเรียนที่หลากหลาย การมีความรู้และทักษะที่ทันสมัยช่วยให้ครูสามารถสร้างสภาพแวดล้อมการเรียนรู้ที่กระตุ้นให้นักเรียนมีส่วนร่วมและพัฒนาทักษะต่าง ๆ ได้ดีขึ้น 

            อีกทั้งการเรียนรู้ตลอดชีวิตยังสามารถสร้างความสัมพันธ์ที่ดีและสนับสนุนการเรียนรู้ของนักเรียนในรูปแบบที่ตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงในสังคมและเทคโนโลยี จึงส่งผลให้ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนเพิ่มขึ้นตามไปด้วย (Vangrieken et al., 2017)

วิธีการพัฒนาวิชาชีพครูให้สอดคล้องกับมาตรฐานคุณภาพ

            วิธีการพัฒนาวิชาชีพครูให้สอดคล้องกับมาตรฐานคุณภาพสามารถทำได้หลากหลายวิธี โดยสามารถนำแต่ละวิธีมาใช้ร่วมกันได้เพื่อให้เกิดประสิทธิผลและประสิทธิภาพสูงสุด เช่น การฝึกอบรมที่เน้นทักษะและความรู้ที่ทันสมัย การสร้างชุมชนการเรียนรู้ทางวิชาชีพ (Professional Learning Communities) เพื่อให้ครูได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์และแนวปฏิบัติที่ดี การใช้เทคโนโลยีเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการสอน รวมถึงการพัฒนาทักษะการประเมินผลการเรียนรู้และการสอนแบบผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง การส่งเสริมให้ครูสะท้อนและปรับปรุงการสอนของตนเองอย่างต่อเนื่องจากข้อมูลย้อนกลับ (Feedback) และการวิจัยในชั้นเรียน 

            การสนับสนุนจากผู้บริหารและนโยบายที่ชัดเจนเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้การพัฒนาวิชาชีพครูมีความยั่งยืนและสอดคล้องกับมาตรฐานคุณภาพ เพราะผู้บริหารมีบทบาทในการจัดหาทรัพยากรที่จำเป็น เช่น เวลา ทุน และโอกาสในการพัฒนาวิชาชีพ การสนับสนุนนี้ยังรวมถึงการสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเรียนรู้และนวัตกรรม นโยบายที่ชัดเจนช่วยให้การพัฒนาวิชาชีพมีแนวทางและเป้าหมายที่สอดคล้องกันทั่วทั้งองค์กร

            ทั้งหมดนี้ทำให้ครูสามารถดำเนินการตามแนวทางการพัฒนาที่ได้รับการสนับสนุนอย่างมีประสิทธิภาพและต่อเนื่อง นอกจากนี้ การมีนโยบายและการสนับสนุนจากผู้บริหารยังช่วยสร้างความมั่นใจและแรงจูงใจให้ครูมีความมุ่งมั่นในการพัฒนาตนเอง และนำไปสู่การสร้างสรรค์การสอนที่มีคุณภาพและเป็นมาตรฐาน (Darling-Hammond et al., 2017; Vescio, Ross & Adams, 2008)

            สำหรับผมแล้วในยุคสมัยนี้เราไม่สามารถปฏิเสธได้ว่า การใช้เทคโนโลยีเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการสอนมีบทความสำคัญอย่างมากในยุคดิจิทัล การวิจัยพบว่าการใช้แพลตฟอร์มออนไลน์และแอปพลิเคชันเพื่อการสอนสามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการเรียนรู้ของครูและนักเรียนอย่างมีประสิทธิผล (Kirkwood & Price, 2014) ซึ่งเป็นวิธีที่สามารถนำมาใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพในการพัฒนาวิชาชีพครูให้ทันสมัย อีกทั้งยังเปิดโอกาสให้ครูสามารถเข้าถึงทรัพยากรการเรียนรู้ที่หลากหลายและทันสมัยได้ทุกที่ทุกเวลา ทำให้การพัฒนาตนเองไม่ถูกจำกัดด้วยเวลาและสถานที่ 

            เราจึงพบเห็นว่าในปัจจุบันมีการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลยังส่งเสริมการเรียนรู้แบบร่วมมือ (Collaborative Learning) ผ่านการเชื่อมต่อกับชุมชนวิชาชีพออนไลน์ ทำให้ครูสามารถแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์กับเพื่อนร่วมงานทั่วโลกได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว การฝึกฝนการใช้เครื่องมือดิจิทัลในการสอนยังช่วยให้ครูมีความมั่นใจในการนำเทคโนโลยีมาใช้ในการจัดการเรียนการสอนในห้องเรียน ทำให้สามารถตอบสนองต่อความต้องการของนักเรียนในยุคดิจิทัลได้อย่างมีประสิทธิผล (Kirkwood & Price, 2014) ดังที่ได้เสนอมาในย่อหน้าที่แล้ว

การประยุกต์ใช้ตามบริบทต่าง ๆ 

            ผมจะขอยกงานวิจัยที่เกี่ยวข้องจากการศึกษาของ Hannele Niemi (2015) ที่ได้ศึกษาเรื่อง Teacher Professional Development in Finland: Towards a more holistic approach เป็นการศึกษาเกี่ยวกับแนวทางการพัฒนาวิชาชีพครูในประเทศฟินแลนด์ โดยเน้นการพัฒนาที่ครอบคลุมและมีความสมดุลในทุกด้าน ทั้งในแง่ของการฝึกอบรม การศึกษาต่อเนื่อง และการสร้างชุมชนวิชาชีพที่เข้มแข็ง 

            ผลที่ได้จากการศึกษาในภาพรวมคือ การพัฒนาวิชาชีพครูในฟินแลนด์ที่เน้นการเรียนรู้ตลอดชีวิตและมีความครอบคลุมในทุกด้าน เป็นแนวทางที่มีประสิทธิภาพในการส่งเสริมการเรียนรู้ของนักเรียน ครูที่มีโอกาสพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง สามารถสร้างสภาพแวดล้อมการเรียนรู้ที่ดีและตอบสนองต่อความต้องการของนักเรียนได้อย่างมีประสิทธิภาพ นโยบายการศึกษาที่สนับสนุนการพัฒนาวิชาชีพครูอย่างเต็มที่ในฟินแลนด์ยังมีบทบาทสำคัญในการทำให้ระบบการศึกษาของประเทศมีความยั่งยืนและมีคุณภาพสูง

            นอกจากตัวอย่างที่นำการศึกษานี้ไปใช้ในวิชาชีพครูแล้ว ยังมีการประยุกต์ใช้โดยผู้บริหารการศึกษาอีกด้วย เนื่องจาก ผู้บริหารโรงเรียนมีบทบาทสำคัญในการสร้างสภาพแวดล้อมที่ส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิตในครู ผมจึงขอยกตัวอย่างานวิจัยเรื่อง "Beyond PD: Teacher Professional Learning in High-Performing Systems" โดย Jensen, Sonnemann, Roberts-Hull, และ Hunter (2016) 

            งานวิจัยนี้เป็นการศึกษาได้ทำการวิเคราะห์และเปรียบเทียบระบบการพัฒนาวิชาชีพครูในประเทศที่มีระบบการศึกษาที่มีประสิทธิภาพสูง เช่น สิงคโปร์ แคนาดา และฟินแลนด์ โดยให้ความสำคัญกับการทำความเข้าใจว่าระบบการพัฒนาวิชาชีพครูในประเทศเหล่านี้มีคุณสมบัติและแนวทางใดที่ทำให้การเรียนรู้และการสอนของครูมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น 

            ผลการวิจัยนี้สรุปได้ว่า ระบบการศึกษาที่มีประสิทธิภาพสูงในประเทศต่าง ๆ เช่น สิงคโปร์ แคนาดา และฟินแลนด์ให้ความสำคัญกับการพัฒนาวิชาชีพครูที่เชื่อมโยงกับการปฏิบัติงานจริงในห้องเรียน การเรียนรู้ร่วมกันในชุมชนวิชาชีพ การประเมินและสะท้อนผลการสอนอย่างต่อเนื่อง และการสนับสนุนจากนโยบายและระบบการศึกษาที่มีความยั่งยืน 

            อีกทั้งผลการวิจัยชี้ให้เห็นว่าครูที่ได้รับการฝึกอบรมและพัฒนาอย่างต่อเนื่องภายใต้ระบบเหล่านี้มีความสามารถในการปรับปรุงวิธีการสอนของตนเองได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้คุณภาพการเรียนการสอนในโรงเรียนดีขึ้น และนักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนที่สูงขึ้นตามไปด้วย 

            แต่สิ่งที่ขาดไปไม่ได้ก็คือ การสร้างสภาพแวดล้อมที่สนับสนุนการพัฒนาวิชาชีพอย่างเป็นระบบและต่อเนื่อง เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้การพัฒนาครูในระบบการศึกษาเหล่านี้มีความยั่งยืนและส่งผลในทางบวกต่อการเรียนรู้ของนักเรียนในระยะยาว

            บทความนี้จึงสามารถสรุปได้ว่าการพัฒนาวิชาชีพครูด้วยทัศนคติแห่งการเรียนรู้ตลอดชีวิตเป็นกุญแจสำคัญที่จะนำไปสู่การยกระดับคุณภาพการศึกษา ผู้บริหารและนโยบายการศึกษาควรมีบทบาทในการสนับสนุนครูให้พัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง และสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเรียนรู้ตลอดชีวิต เพื่อให้ครูสามารถปรับตัวและสร้างสรรค์การเรียนการสอนที่มีคุณภาพในยุคปัจจุบัน

            ผมอยากเน้นย้ำเกี่ยวกับ "สภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเรียนรู้ตลอดชีวิต" ผมมองว่าเป็นสิ่งสำคัญมาก หากพิจารณาเกี่ยวกับทฤษฎีองค์การ ในอดีตที่มองมนุษย์เป็นเครื่องจักร ในยุคต่อมาได้มองคุณค่าของความเป็นมนุษย์มากขึ้น มองว่าองค์กรจะพัฒนาได้จากมนุษย์มากกว่าการสร้างกรอบระบบที่เป็นเครื่องจักร สุดท้ายในยุคปัจจุบันได้มองว่าสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยมีอิทธิพลอย่างมากต่อการพัฒนาองค์กร

            การเรียนรู้ตลอดชีวิตก็เช่นเดียวกัน เราสามารถวางระบบอย่างสร้างสรรค์ ไปพร้อม ๆ กับการพัฒนามนุษย์ เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้ออำนวยต่อการเรียนรู้ตลอดชีวิต เราอยู่ในยุคสมัยที่เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลงอย่างก้าวกระโดด ดังนั้นการพัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่องไปตลอดชีวิต

จึงเป็นหัวใจสำคัญของการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงและประสบความสำเร็จในชีวิตไม่ว่าเราจะอยู่ในบริบทไหนก็ตาม

อ้างอิง

Avalos, B. (2011). Teacher professional development in teaching and teacher education over ten years. Teaching and Teacher Education, 27(1), 10-20.

Darling-Hammond, L., Hyler, M. E., & Gardner, M. (2017). Effective teacher professional development. Learning Policy Institute.

Desimone, L. M. (2009). Improving impact studies of teachers' professional development: Toward better conceptualizations and measures. Educational Researcher, 38(3), 181-199.

Jensen, B., Sonnemann, J., Roberts-Hull, K., & Hunter, A. (2016). Beyond PD: Teacher professional learning in high-performing systems. National Center on Education and the Economy.

Kirkwood, A., & Price, L. (2014). Technology-enhanced learning and teaching in higher education: What is 'enhanced' and how do we know? A critical literature reviewLearning, Media and Technology, 39(1), 6-36.

Niemi, H. (2015). Teacher professional development in Finland: Towards a more holistic approach. Psychology, Society & Education, 7(3), 279-294.

Opfer, V. D., & Pedder, D. (2011). Conceptualizing teacher professional learning. Review of Educational Research, 81(3), 376-407.

Schleicher, A. (2018). Valuing our teachers and raising their status: How communities can help. OECD.

Vangrieken, K., Meredith, C., Packer, T., & Kyndt, E. (2017). Teacher communities as a context for professional development: A systematic review. Teaching and Teacher Education, 61, 47-59.

Vescio, V., Ross, D., & Adams, A. (2008). A review of research on the impact of professional learning communities on teaching practice and student learning. Teaching and Teacher Education, 24(1), 80-91.

ความคิดเห็น